Dhamma together:ผู้ใดมีทุกข์…ผู้นั้นมีบุญวาสนา

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

"ผู้ใดที่มีทุกข์ จงให้รู้ไว้ นั้นแล…ผู้นั้นถือว่ามีบุญวาสนา

 ผู้ใดที่มีทุกข์มาก ผู้นั้นกำลังเสวยวิบาก เพราะใครที่มีทุกข์

 มากแค่ไหน ให้จงจำไว้ กำลังได้ชดใช้หนี้กรรม 

 แม้กรรมนั้นเป็นกรรมทางใจที่ทุกข์ทรมาน

 ถ้าเลือกด้วยมีอัฐมีเบี้ยไปทดแทน ก็หาว่าคุ้มค่ากันไม่

 เพราะอัฐเบี้ยนั้น เมื่อเราใช้จ่ายหรือซื้อไปแล้ว

 ไม่สามารถซื้อความรู้สึกกลับคืนมาได้

 แต่ถ้าใจเราไปสัมผัสกับทุกข์ที่แท้จริงแล้ว

 นี่แล…คือธรรม คือเหตุ คือมรรค

ถ้าโยมไม่เห็นทุกข์ถึงที่สุด โยมจะไม่เห็นทางมรรคเลย หามีการ ลดละ ตัวตน ของโยมได้…

ไม่มีทาง แต่ผู้ใดที่มีทุกข์มากแค่ไหน ผู้นั้นจะเห็นทางสว่าง ต่อเมื่อผู้นั้นมีสติ ระลึกถึงบุญกุศลที่ได้

กระทำมาอยู่บ่อยๆ"

คติธรรม สมเด็จฯโต

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:การตอบสนองเรื่องราวด้วยการใช้สติ ใช้ปัญญา

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามสัญชาตญาณ 

ก็จะเป็นผู้ที่เอาความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือ เฉยๆ 

เป็นตัวกำหนดชีวิต ถ้าชีวิตเราถูกกำหนดด้วยความรู้สึก

ที่เกิดขึ้นเรียกว่าเรายังเป็นเหยื่อของกรรมเก่า

เวทนาที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องกรรมเก่าส่วนใหญ่ 

แต่ถ้าเรามีสติในขณะที่มีการกระทบทาง

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  รู้ตัวอยู่เราก็รับรู้ว่าสักแต่ว่า 

สักแต่ว่าสุข สักแต่ว่าทุกข์  สักแต่ว่าเฉยๆ

แล้วปฏิกิริยาโต้ตอบทางสัญชาตญาณไม่เกิดขึ้น



 แต่จะมีการตอบสนองเรื่องราวด้วยการใช้สติ ใช้ปัญญา ว่าอะไรควรอะไร ไม่ควร อะไรเป็นบาป 

อะไรเป็นบุญ อะไรมันสอดคล้องกับอุดมการณ์ เป้าหมายชีวิต อะไรมันขัดข้องหรือเป็นอุปสรรคต่อ

การเข้าถึงเป้าหมายชีวิตของเรา เป็นต้น

ชยสาโรภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:สันติภาพ สันติสุข สันติธรรม

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

แท้จริงแล้วแก่นแท้ของทุกศาสนาก็คือ

สันติภาพ สันติสุข สันติธรรม ดังนั้นหากศาสนิกชน

ในทุกๆศาสนาตั้งใจศึกษาศาสนาของตนจนเข้าใจ

อย่างถ่องแท้ สุดท้ายจิตทุกดวง คนทุกคน ก็จะมุ่งสู่

สิ่งเดียวกัน คือ สันติภาพ สันติสุข สันติธรรม สิ่งนี้

คือแก่นแท้ภายในจิตใจ แม้สถานะสมมติโดย

ภายนอกแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน เป็นพระ

เป็นบาทหลวง เป็นโต๊ะอิหม่าม เป็นต่างๆนานา

แต่หากเข้าใจแก่นแท้ในศาสนาตน จิตของทุกคนก็ จะมีสภาพเดียวกัน คือสภาพของความเป็น

สันติภาพ สันติสุข สันติธรรม โลกยังจำเป็นต้องมีหลายศาสนา ถ้าผู้คนในศาสนานั้นๆ เข้าใจได้

ถ่องแท้ในศาสนาของตน

สันติภาพเกิดขึ้นได้แน่ในโลก

ด้วยสภาพของความเป็นสันติภาพ สันติสุข สันติธรรม ในใจของทุกผู้คนนั้นเอง 

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ถ้าผู้ใดพยายามเจริญเมตตานี้บ่อยๆ เข้า ใจมันก็อ่อนโยนลง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

 "ให้เจริญเมตตา 

ตั้งจิตอธิษฐาน

ขอให้สัตว์ทั้งหลายเป็นสุขทุกถ้วนหน้า

อย่ามีเวรต่อกันและกันเลย 

อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน

ถ้าผู้ใดพยายามเจริญเมตตานี้บ่อยๆ เข้า

ใจมันก็อ่อนโยนลงเอ็นดูสงสารมนุษย์และสัตว์

ทั้งหลาย ไม่คิดเบียดเบียน


เมื่อเป็นเช่นนี้เมตตาธรรมกรุณาธรรมก็ย่อมเกิดขึ้นในจิตใจ

เมตตาธรรมกรุณาธรรมนั้นแหละเป็นตัวกุศล

ความโกรธนั้นแหละเป็นตัวอกุศล ขอให้เข้าใจ"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ความทุกข์...โอกาสที่จะเห็นความจริงที่ลึกซึ้งมากขึ้น ...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ขอให้พิจารณาดูว่าความทุกข์นั้นไม่ใช่เป็นสิ่งเลวร้าย

อย่างเดียว มันสามารถนำสิ่งดี ๆ มาให้แก่ชีวิตของเราได้

โดยเฉพาะธรรมะ ความทุกข์สามารถเขย่าใจของเรา

ให้เกิดปัญญาจนเห็นธรรมะได้ 

เพราะฉะนั้น เวลาเราเจอความทุกข์ 

อย่ามัวตีอกชกหัวว่าทำไมเราถึงมีเคราะห์กรรมอย่างนี้ 

จะคิดแบบนั้นก็ได้ ถ้าคิดแล้วทำให้รู้สึกว่า

ต้องเข้าหาธรรมะเพื่อดับความทุกข์ในจิตใจ

แต่จะดีกว่าหากว่าเวลามีความทุกข์เกิดขึ้นเราพยายามหาประโยชน์จากมัน ถ้ามองดูให้ดีจะเห็นว่า

ความทุกข์ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ประโยชน์ในทางโลกอย่างเดียว เช่น พอเราป่วยก็มีคน

มาเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ แต่ว่ามันยังสามารถทำให้เราได้เห็นธรรมะที่ลึกซึ้ง ยิ่งทุกข์มาก

โอกาสที่จะเห็นความจริงที่ลึกซึ้งก็มากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ปัญญาทางธรรม

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

" .. ปัญญา ก็มีหลัก คือ ความรู้ความเข้าใจในการเห็น

สิ่งทั้งปวงหมดเป็นธรรม รู้ผิดรู้ถูก รู้ดีรู้ชั่ว รู้สิ่งที่ควรหรือ

ไม่ควร แม้แต่ผู้จะทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ ก็ต้องมี

ปัญญาเสียก่อนจึงทำได้ ปัญญาทางธรรมมี ๒ อย่าง ..

อย่างแรกเป็น "ปัญญาสามัญในทางธรรม" เห็นโลกเป็น

ธรรม อย่างที่อธิบายมาแล้วว่า ความโลภ ความโกรธ

ความหลง เป็นของที่ให้โทษให้ทุกข์แก่จิตใจ ก็เป็น

ของดีเหมือนกัน ถ้าไม่มีโลภ โกรธ หลง ก็ไม่ได้ละโลภ

โกรธ หลง


ปัญญาอีกอย่างหนึ่ง เป็นปัญญาที่สูงดีเด่นขึ้นไปกว่านั้นอีก เรียกว่า "ปัญญาวิปัสสนา" คือ

เห็นสิ่งทั้งปวงหมดเป็น "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" สิ่งเหล่านั้นเป็นของไร้สาระ เป็นทุกข์โทษภัย

อันตรายแก่จิตใจ จึงปล่อยวางทอดธุระในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น อันนี้เป็นปัญญาอันวิเศษสูงสุด

เพราะคนจะพ้นโลกได้เพราะเห็นที่สุดของโลก คือ ได้แก่เห็น "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" นั่นเอง

ไม่ใช่เห็นโดยคาดคะเนเอานะ ต้องเห็นแจ้งชัดด้วยใจของตนเอง สัมผัสด้วยใจของตนเองจริง ๆ

ถ้าคิดนึกเอา มันไม่ใช่วิปัสสนา "มันเป็นวิปัสสนึก" หมดความคิดนึกอันนั้นแล้วมันก็วกกลับคืนมา

เล่นงานเราอีก ถ้าเห็นแจ้งชัดด้วยใจของตนเองจริง ๆ ลงได้ถึง "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" แล้วละ

ได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง พระพุทธศาสนารวมยอดเข้ามาแค่นี้แหละ .. "

"พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี" วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:คิดเพื่อให้เกิดปัญญา

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

  ไม่ว่าประสบการณ์ในรูปใดๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้น

ถ้าเราเอามาคิด มันจะเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ

เป็นครูเป็นผู้สอนเราทีเดียวในภาษาพระท่านใช้คำว่า

โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการนี้เป็นคำบาลีอยู่หน่อย

จำยาก แต่ให้เจ้าใจว่า การคิดโดยแยบคาย หมายความว่า

คิดโดยแยบคาย การคิดโดยแยบคายนั้นคือการคิดหาเหตุหาผล

ของเรื่องนั้น หาคุณหาโทษของเรี่องนั้น หาประโยชน์และไม่มี

ประโยชน์จากเรื่องนั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรเมื่อมันเกิดขึ้นในใจของ

เราแล้วเราอย่าปล่อยให้มันดับไปเฉยๆ แต่ให้เอาเรื่องนั้นมาร

เป็นเครื่องเตือนจิตใจเป็นผู้ชี้ทางชีวิตของเราต่อไป

การที่จะเอามาเป็นเครื่องเตือนใจ นั้นก็คือการคิดโดยแยบคาย เมื่อมันดับไปแล้วก็เอามาคิดใหม่

การคิดใหม่นั้นไม่ใช่คิดเพื่อให้เป็นทุกข์ แต่คิดเพื่อให้เกิดปัญญา การคิดอะไรเพื่อให้เกิดปัญญานั้น

แม้สิ่งนั้นจะเป็นอดีตล่วงไปแล้วก็ไม่เสียหายไม่เป็นโทษ แต่ว่าเรื่องใดที่มันล่วงไปแล้วเราเอามา

คิดด้วยอารมณ์ทุกข์นั้นไม่ได้ พระท่านไม่ให้คิดในรูปอย่างนั้น ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า

อตีตํ นานฺวาคเมยฺย อย่าคิดถึงสิ่งที่ล่วงมา หมายความว่า อย่าคิดถึงสิ่งที่ล่วงมาให้เป็นทุกข์

ถ้าคิดให้เป็นทุกข์แล้วมันเป็นบาปทางจิตใจเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่เราเอาเรื่องที่ล่วงมาแล้วนั้น

มาคิด เพื่อให้เกิดปัญญา ให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องนั้น เพื่อจะได้เป็นครูสอนใจต่อไป

การคิดในเรื่องเช่นนั้นไม่เสียหาย เป็นเรื่องที่ควรจะได้กระทำ เพราะการคิดในเรื่องอย่างนั้นเขา

เรียกว่า คิดด้วยปัญญา

ปัญญานนัทภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:สิ่งอันเป็นที่รัก เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

บุคคลผู้เป็นที่รักหรือสิ่งอันเป็นที่รักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ทั่วไป 

มากบ้างน้อยบ้าง เพราะเหตุใด

 

เพราะเหตุที่ ผู้มีความรักในบุคคลหรือในสิ่งนั้นๆ ไปยึดมั่นถือมั่น

จักให้ผู้นั้นเป็นไปตามความปรารถนาต้องการของตน เช่น

ต้องการให้บุคคลผู้เป็นที่รักมีความรู้สึกต่อตนเช่นไรก็เช่นนั้น คือ

เคยรักตนมาก ก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้

จิตใจหรือความรักก็เช่นเดียวกับสิ่งทั้งปวงคือเป็นอนัตตา ไม่เป็น

ไปตามอำนาจปรารถนาต้องการของผู้ใดเลย แม้ท่านผู้สูงสุดด้วย

วาสนาบารมี ก็หามีอำนาจทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดมีความรักที่ไม่

แปรปรวน เปลี่ยนแปลง ดังที่ปรารถนาต้องการได้ไม่

การบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ไม่ว่าการงานไหน ไม่มีอะไรต่ำ ทำให้ดีแล้วจะเป็นการปฏิบัติธรรมะอยู่ในตัว 1

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


อยากจะให้ถือกันว่าการงานนั้นนะ เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด

ของมนุษย์ อย่างหนึ่งก่อน แล้วการงานนั้นเป็นการปฏิบัติ

ธรรมะอยู่ในตัวไม่ว่าการงานไหน ทำให้ดีแล้วจะเป็นการ

ปฏิบัติธรรมะอยู่ในตัว

คิดดูสักหน่อยก็เห็นได้ ว่าขึ้นชื่อว่าการงาน

เมื่อทำลงไปแล้วจะเป็นการปฏิบัติธรรม

คือเราต้องมีสติ ต้องมีความเพียร

ต้องมีความพอใจ (ฉันทะ) อยู่ตลอดเวลา

พุทธทาสภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:อิสระจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสุขอย่างยิ่ง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

คนธรรมดาเวลาถูกด่า มันเหมือนกับมีก้อนหิน

ตกลงมาถูกกระจก เกิดอะไรขึ้นกับกระจก

ถ้าไม่ร้าวก็แตก แต่ถ้าไม่มีกระจกล่ะ ก้อนหิน

ตกลงมา จะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านเว่ยหล่างซึ่งเป็น

สังฆปริณายกของลัทธิเซนในจีน ตอนที่ท่าน

ยังหนุ่ม มีลูกศิษย์รุ่นพี่เขียนโศลกว่า

กายคือต้นโพธิ์ ใจเหมือนกระจกใส

ต้องหมั่นเช็ดถูกเพื่อไม่ให้มีฝุ่นจับ

ท่านเว่ยหลางมาเห็นก็แอบเขียนใกล้ ๆ กันว่า ต้นโพธิ์หามีไม่ ทั้งไม่มีกระจกใส แล้วฝุ่นจะจับอะไร

ท่านเว่ยหล่างมีปัญญาเห็นชัดว่า ถ้ายังมี "ตัวกู" ก็เหมือนกระจกที่ต้องเช็ดต้องถูไม่ให้ฝุ่นมาเกาะ ต้องคอย

ระวังไม่ให้หินมาตกใส่ เพราะถ้าตกใส่เมื่อไร กระจกก็แตก อันนี้อาตมาเสริมต่อ แต่ถ้าไม่มีตัวกู

ก็เปรียบเสมือนว่าไม่มีกระจก ก็ไม่ต้องห่วงว่าฝุ่นจะจับ ไม่ต้องห่วงว่าก้อนหินจะตก ก้อนหินตกลงมา

ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีกระจกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรียกว่าตัวกูไม่มี หรือไม่ปรุงให้มีตัวกู อะไรจะเกิด

ก็ไม่เป็นปัญหา คือไม่เป็นทุกข์ นี้แหละคือความพ้นทุกข์ในพุทธศาสนา ไม่ได้แปลว่าไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

แต่หมายความว่าไม่มีฉันผู้แก่ ฉันผู้เจ็บ หรือฉันผู้ตายอีกต่อไป จึงเป็นอิสระจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย

เป็นความสุขอย่างยิ่ง

พระไพศาล วิสาโล

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:คนเรานี้จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์สูงไปขึ้นไปกว่าที่จะหากิน

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

คนเราก็เหมือนกัน ถ้ายังโง่อยู่ ก็คิดแต่ว่าจะทำมาหากินเท่านั้น

แค่ทำกินเท่านั้นเอง กินอิ่มแล้วหรือมีเงินแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอะไร

ต่อไปอีก มันก็เป็นคนโง่ ตกเป็นเหยื่อของกิเลส ของพญามาร

โดยเฉพาะก็คือความทุกข์ เพราะฉะนั้นคนที่มีเงิน มีเกียรติแล้ว

ยังมีความทุกข์ ไปดูให้ดี ๆ อย่าโง่เป็นยุง เป็นแมลงเม่า เป็น

แมลงผีเสื้อ มันโง่ มีชีวิตอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะเพื่ออะไร ที่เรามีกิน 

มีใช้ มีเกียรติ มีอะไรด้วยซ้ำไป ก็อย่าให้มันเป็นหมัน  

ในการที่จะได้รับอะไร มีอะไร ให้ดีไปกว่านั้น 

ที่นี้ก็มานึกดูว่า คนเรานี้จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์สูงไปขึ้นไปกว่าที่จะทำมาหากิน

ใส่ปากใส่ท้อง มีกินมีใช้ มีเกียรติยศ มีอะไรแล้ว ก็จะทำ อะไรกันต่อไป มันก็เหลือเรื่องเดียว

คือเรื่องทำจิตใจที่มันสะอาด สว่าง สงบ ไม่มีความทุกข์ นี่ก็เรียกว่าธรรมะ มีธรรมะเพื่ออย่างนี้

อย่าเข้าใจว่ามีเงิน มีอำนาจวาสนาแล้วมันจะไม่มีความทุกข์ ถ้ามันโง่แล้วมันจะยิ่งมีความทุกข์

ยิ่งมีเงินมากก็ยิ่งมีความทุกข์ถ้ามันโง่ มีอำนาจวาสนามาก ถ้ามันโง่ มันก็จะฆ่าตัวมันเอง

ด้วยอำนาจวาสนานั่นแหล่ะ เรื่องเงินเรื่องอำนาจวาสนานี้ต้องระวังให้ดี ถ้าใช้มันผิด ทำมันผิด คือ

ไม่มีธรรมะแล้ว มันก็ทำความทุกข์ให้แก่บุคคลนั้น

ถ้ามีเงินหรือมีอำนาจวาสนาแต่ปราศจากศีลธรรมแล้วก็ไม่มีความหมายอะไร ก็มีแต่ว่าจะสรรเสริญ

เยินยอกันแต่ในพวกคนที่ไม่มีศีลธรรมด้วยกัน คนที่มีศีลธรรมเขาสั่นหัวทั้งนั้นแหล่ะ และมันก็

พิสูจน์ตัวมันเองว่าคนเหล่านั้นจะอยู่อย่างเป็นทุกข์ ทรมาน มีกิเลสเผาลนอยู่ในจิตใจตลอดเวลา

ทั้งที่มีเงินมาก มีอำนาจมาก อย่าไปหลง อย่าไปบูชาเงิน บูชาอำนาจ โดยส่วนเดียว ถ้ามันไม่มี

ธรรมะแล้ว เงินหรืออำนาจนั่นแหล่ะมันเป็นอันตรายที่สุด แล้วมันก็ฆ่าคนนั้นอยู่เรื่อย ๆ ไป ก็อย่าง

ในประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้วมันก็แสดงอยู่ กระทั่งเดี๋ยวนี้วันวานนี้มันก็แสดงอยู่อย่างนี้ เราจึง

เป็นคนไม่หลง อยู่ด้วยธรรมะตลอดเวลาเสมอไป ก็เรียกว่ามีศีลธรรม

พุทธทาสภิกขุ

๑๑๑ปีพุทธทาส #พุทธธรรมกับสังคม

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มนุษย์ทุกคน....เป็นกันได้....

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

 ธรรมชาติแห่งพุทธะในตัวคนแต่ละคน อาจเปรียบได้กับผลไม้

แต่ละผลหรือเมล็ดข้าวเปลือก ถ้าหากได้เอาลงเพาะในดิน

ที่ชุ่มเย็น มีเงื่อนไขต่างๆ พอเหมาะ ก็จะงอกขึ้นมาเป็นต้น

ให้ดอกออกผลได้เช่นกัน ส่วนจะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับสภาพ

ของข้าวเมล็ดนั้นๆ เป็นเหตุปัจจัย

การตรัสรู้เหมือนดอกไม้อาศัยแสงตะวัน เมื่อตะวันส่องแสง

มายังพื้นโลก เมื่อความร้อนกับความเย็นกระทบกัน จึงเกิด

ความอบอุ่น ดอกไม้ก็เลยบานได้ตามต้องการ

 

พุทธะหรือโพธิจิตนี้ เมื่อได้รับการกระตุ้นระดับหนึ่ง จะตื่นขึ้น และผลิบาน จึงเรียกว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น

ผู้เบิกบาน ซึ่งมนุษย์ทุกคน ไปถึงได้ การเจริญสติ อันเป็นฐานของการเจริญสมาธิ เจริญปัญญา

จะทำให้ธาตุพุทธะในตัวเราแตกตัว และเบ่งบาน

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:เชื่อในเรื่องกรรมให้ถูกทาง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 ""ความเชื่อกรรม ถ้าเชื่อให้ถูกทาง

ก็จะแก้ความเชื่อโชคลางต่างๆ ได้เป็นอันมาก

และสำหรับคนเรามีปัญญาสร้างกรรมใหม่ๆ ขึ้นได้ดีๆ

มีพระธรรมของพระพุทธเจ้าปฏิบัติรักษาอยู่

ก็เป็นผู้มีสรณะกำจัดทุกข์ภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี"

 

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช

สกลมหาสังฆปริณายก



Dhamma together:จริยธรรมในการสร้างเสริม

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


 จริยศึกษาของเราในปัจจุบันได้เห็นตระหนักว่า

ปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ เกิดจากการแข่งขันทะยาน

หาความสุขกันอย่างไม่มีขอบเขต จึงสอนคนให้รู้จักควบคุม

ตนเอง โดยไม่ล่วงละเมิด "สิทธิมนุษยชน" ของคนอื่น

เพราะฉะนั้น เราจึงมีชีวิตอยู่ในสังคมที่รักษาความสงบไว้ได้

ด้วยการวางกฎเกณฑ์ข้อบังคับ

แต่จริยธรรมใดก็ตามที่ต้องใช้ความกลัว และความจำใจ จำยอมเป็นพื้นฐาน ย่อมเป็นจริยธรรม

ที่ไม่อาจวางใจได้ จริยธรรมที่มีลักษณะแบบห้ามสั่งบังคับนั้นเป็นจริยธรรมที่ไม่เพียงพอ

จริยธรรมที่แท้จริงต้องมีพื้นฐานมาจากความประสาน กลมกลืนและความสุข ชนเหล่าใดมีสันติ

ภายในจิตใจและมีความสุขที่เป็นอิสระ ชนเหล่านั้นย่อมไม่ลุ่มหลงเอาทรัพย์และอำนาจ

เป็นเครื่องบำรุง บำเรอ เสริมความยิ่งใหญ่ของตน แต่ทรัพย์และอำนาจนั้นจะกลายเป็นเครื่องมือ

สำหรับใช้สร้างสรรค์ประโยชน์สุขแก่เพื่อนมนุษย์

จริยธรรมในการสร้างเสริมเช่นนี้แหละ คือ สิ่งที่ต้องการในยุคสมัยปัจจุบันของพวกเรา

ป. อ. ปยุตฺโต

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:"ผล" ของการปฏิบัติ ให้ถึง "ความสงบระงับ"

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

 "ผู้ได้ตามดูจิต ของตน ผู้นั้นจะพ้นจาก บ่วงของมาร

เพราะ จิต เป็นผู้รับรู้

เป็นผู้รับเห็น ผู้รับเอา ความสุขความทุกข์ ..

ถ้าเรา ตามดูจิต ของเราอยู่เราก็ไม่เป็นคนอนาถา เท่านั้นน่ะ

กิเลสทั้งหลาย จะมาอยู่ในจิตใจ ให้เศร้าหมอง ไม่ผ่องใส

อันนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เพราะ

ความรู้ ผู้รู้ ผู้ตื่น เห็นอยู่ รู้อยู่

ทั้งการยืน การเดิน การนั่ง การนอน เช่นนั้น ฯลฯ

อันนี้ คือ "ผล" ของการปฏิบัติ ให้ถึง "ความสงบระงับ"

โอวาทธรรม

หลวงปู่ชา สุภัทโท

 

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ไตรสิกขาจะมีกี่ล้านๆ ก็ตาม ก็ย่นลงมาหาเอกะไตรสิกขา

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

 "..เราพิจารณาทุกข์เป็นอารมณ์

สมุทัยที่จะให้เกิดตัญหาก็ละไปในตัว มรรคก็เจริญไปในตัว

นิโรธก็ทำให้ แจ้งไปในตัว..ไม่ใช่ว่าเจริญทุกข์

แล้วเจริญสมุทัย แล้วก็เจริญมรรค แล้วก็เจริญนิโรธ

ดังนี้มันเป็นเรียงแบบไม่ใช่ปรมัตถ์ปฏิบัติ..

ถ้าเราย่นก็ย่นลงถึงใจเป็นหนึ่งซะ เรานับถึงเป็นจำนวนล้าน

ก็นับออกไปจากหลักหน่วย ดังนั้นถ้าเราย่นลง

ก็ย่นลงให้ถึงหลักหน่วยใช่หรือไม่?..ทุกข์จะมีกี่ล้านๆ ก็ย่นลง

มาหาเอกะทุกข์  คือหนึ่งทุกข์ในปัจจุบัน...ใช่หรือไม่?

ไตรสิกขาจะมีกี่ล้านๆ ก็ตาม ก็ย่นลงมาหาเอกะไตรสิกขา

ในปัจจุบัน...ใช่หรือไม่ ? .."

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:จงเพ่งพิจารณาให้มันรู้มันเห็นซิ พอเราจำแนกแจกสิ่งเหล่านั้นแล้วจิตของเราก็เป็นหนึ่งอยู่

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

เรื่องสมมุตินี่สัตว์ทั้งหลายจมอยู่ในมหาสมุทร จมอยู่ที่สมมุติ

เป็นนั่นเป็นนี่ หากเราจำแนกแจกออกแล้วมันก็ไม่มี

จิตมันก็สงบน่ะซี พอจิตสงบแล้วมันก็หายหมดภัยหมดเวร

ทั้งหลาย เหลือแต่กรรม เหตุนั้นจึงพากันดูให้รู้

อายตนะเป็นบ่อเกิดของสิ่งทั้งหลาย คือ ตา หู จมูก ตาเขา

เป็นอะไร หูเขาเป็นอะไร จมูกเขาเป็นอะไร ลิ้นเขาเป็นอะไร

กายเขาเป็นอะไร เขาไม่ได้เป็นอะไรซักอย่าง

ตาสำหรับดู หูสำหรับฟัง จมูกสำหรับดม เท่านั้นไม่ใช่เรอะ

ลิ้นก็สำหรับรับรสอาหาร กายก็สำหรับสัมผัส

ใจเป็นธรรมารมณ์ นี่แหละให้พิจารณา

 

นี่เป็นบ่อเกิดแห่งสุขและทุกข์ เขาว่าเห็นอย่างโน้นเห็นอย่างนี้เราต้องน้อมเข้าไป เราไม่ว่าแล้ว

มีอะไรไหมล่ะ นี่จึงพาให้กันพิจารณา 

จงเพ่งพิจารณาให้มันรู้มันเห็นซิ พอเราจำแนกแจกสิ่งเหล่านั้นแล้วจิตของเราก็เป็นหนึ่งอยู่

มันไม่มีคน ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีผู้ ไม่มีคน ไม่มีบ้าน ไม่มีเมือง ไม่มีอะไรซักอย่าง จิตมันก็วาง

หมดละ พอจิตมันว่างหมดแล้วก็ไม่มีอะไร ไม่มีภัย ไม่มีเวร

นี่เราไปก่อกรรมก่อเวร สมมติเป็นอันโน้น สมมติเป็นอันนี้ มันก็หลงสมมตินี่ซิ สัตว์ทั้งหลายคาอยู่

ที่นี่  จมในมหาสมุทรนี่ ข้ามไม่ได้ ต้องพ้นจากสมมติซิ

: หลวงปู่ฝั้น อาจาโร :

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together : 'ทุกข์มีอยู่' เป็นอริยสัจ แต่ 'ฉันกำลังทุกข์' ไม่ใช่อริยสัจ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

อริยสัจเป็นธรรมที่ยังบุคคลผู้เข้าถึงธรรมให้กลายเป็นพระอริยเจ้า 

ความเข้าใจว่า

'ทุกข์มีอยู่' เป็นอริยสัจ แต่ 'ฉันกำลังทุกข์' ไม่ใช่อริยสัจ

การบรรลุธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นว่าทุกข์เป็นเพียง

ปรากฏการณ์ตามเหตุและปัจจัย ความซึมเศร้า ความโกรธ

เกลียดตัวเอง และสงสารตัวเองเป็นผลจากการยึดเอาทุกข์มา

เป็นของตน ความเข้าใจว่า 'ทุกข์มีอยู่' เกิดจากการเฝ้าสังเกต

ประสบการณ์ชีวิต แต่การทึกทักเอาว่ามี 'ตัวฉัน' เป็นทุกข์ที่

เกิดขึ้นเนื่องจากขาดการสังเกต

เมื่อใดก็ตามที่เราไม่ใส่ใจในความเป็นจริงของกายและจิต เมื่อนั้นเราย่อมสร้าง 'ตัวฉัน' ขึ้นมา 

ในการปฏิบัติธรรม เราฝึกวิธีเลิกยึด 'ตัวฉัน' เป็นจริงเป็นจัง และในที่สุดแล้วเราฝึกที่จะปล่อยวาง 

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร

แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ถ้าทำงานดีจริง ย่อมมีธรรมะอยู่ในตัวด้วย

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

ถ้าทำงานดีจริง ย่อมมีธรรมะอยู่ในตัวด้วย ไม่ใช่แกล้งว่า

แกล้งหลอก สังเกตเองก็จะเห็นได้ ถ้าใครทำงานจริง

ทำงานดีจริง ถูกต้อง เป็นงานเป็นการจริง จะมีธรรมะมากอยู่ใน

การงานนั้น เพราะคนที่ทำงานให้สำเร็จนั้นต้องมีความรู้ มีสติ

ปัญญา นี่ก็ธรรมะแล้ว ต้องมีความเสียสละ เห็นแก่ผู้อื่น มันถึง

จะทำได้ นี่ก็เป็นธรรมะอย่างสูงแล้ว ต้องมีความอดทน ขันติ

เป็นต้น นี่ก็เป็นธรรมะแล้ว ต้องมีความสำรวมระวังในขณะที่ทำ

อยู่ตลอดเวลา เป็นสังวรก็เป็นธรรมะแล้ว และที่มันมีปลีกย่อยอีก

มากจนนับไม่ไหว สรุปแล้ว ถ้าทำงานจริง ก็ทำงานเพื่อทำลาย

ความเห็นแก่ตัว คนไม่ทำงานจริงมันเห็นแก่ตัว

 พุทธทาสภิกขุ

#ธรรมะคือหน้าที่ #การทำงานคือการปฏิบัติธรรม

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ดูของจริง คือตัวสัจธรรมแท้ๆ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

ดูของจริง

การปฏิบัติทำไมมันถึงยาก

ทุกอย่างมันก็ต้องข้ามไอ้สิ่งที่มันยากไปก่อนมันถึงจะง่าย

ความเป็นจริง ตัวทุกข์นี่ คือตัวสัจธรรมแท้ๆ

แต่เราอ้อมมันเสียไม่อยากจะทุกข์ หรืออีกอย่างหนึ่งคนแก่ๆ

นี่ก็ไม่อยากดู อยากจะดูคนหนุ่มๆนี่ เป็นเสียอย่างนั้น

ทุกข์นี่ไม่อยากจะดู ไม่อยากจะดูทุกข์ มันก็ไม่รู้จักทุกข์

ตลอดกี่ภพกี่ชาติไม่รู้จักทุกข์

จากหนังสือความผิดในความถูก  

มรดกธรรมเล่มที่ ๑๓ หน้าที่ ๑๒

หลวงปู่ชา สุภัทโท

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
 #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:"ชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์"

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

ถ้าเรามองว่าชีวิตคือผ้าขาว เราก็คงจะผิดหวังกับชีวิต

เพราะชีวิตมันไม่ใช่ผ้าขาว แต่หากมองว่าชีวิตคือสีดำ

มันก็จะทำให้เราหดหู่ เพราะในความเป็นจริงแล้ว

ชีวิตก็ไม่ใช่สีดำ ความหมายของชีวิตนั้นมันมีทั้งสีขาวและ

สีดำ ชีวิตมันมีทั้งบวกและลบ...ชีวิตมันมีทั้งสองด้าน

ไม่ว่าขาวหรือดำ เราก็ต้องยอมรับ นั่นล่ะคือความหมาย

ของความจริงที่มีทั้งสองด้าน

ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราก็จะเข้าใจจุดมุ่งหมายของชีวิตว่าตัวเราจะต้องทำลายส่วนที่มืดดำให้มัน

ค่อยๆ หายไป หรือทำให้มันเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตของเราให้น้อยลง เราต้องพยายามที่จะรู้ว่า

ความมืดดำในใจเรามีอิทธิพลมากแค่ไหน เราก็พยายามไม่ให้มันมีอิทธิพลไปในทางลบ

หรือเปลี่ยนให้เป็นไปในทางบวก หรือเปลี่ยนความมืดให้กลายมาเป็นความสว่างให้ได้

พุทธศาสนาบอกว่า ต้องอาศัยเมตตา ปัญญา และกรุณา เป็นพลังขับเคลื่อน 

ท่านพุทธทาสเรียกว่า

 

"สงบเย็นและเป็นประโยชน์"

 

สงบเย็นนั้นต้องอาศัยปัญญา เพราะถ้ามีปัญญาแล้ว เราจะทุกข์น้อยลง เมื่อเราพบกับความ

พลัดพรากสูญเสีย เราจะสงบได้ เพราะเรารู้ว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิต เมื่อมีใครมานินทาเรา ด่าว่า

เรา เราก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา เราก็วางได้ ที่เราทุกข์นั้นเพราะเรามีอัตตา

ไปหลงยึดในอัตตา ทั้งๆ ที่อัตตาไม่มีจริง เมื่อเราเห็นว่าอัตตาไม่มีจริง มองตนจนไม่เห็นตน มันก็

เรียกว่าสงบเย็นอย่างแท้จริง เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตใจจะเกิดกรุณาอย่างกว้างขวาง และจะเกิดความ

รักอย่างท่วมท้น จนสามารถที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้

พระไพศาล วิสาโล

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา 
 #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ลมหายใจเป็นมงกุฏกรรมฐาน

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 


 การทำจิตของเราให้มีรากฐาน คือ กรรมฐาน เอาลมหายใจ

เข้าออกเป็นรากฐาน เรียกว่า อานาปานสติ ทีนี้จะยกเอาลม

เป็นกรรมฐานเป็นอารมณ์ การทำกรรมฐาน มีหลายอย่าง

มากมาย มันก็ยากลำบากเอาลมนี้เป็นกรรมฐานดีกว่า เพราะว่า

ลมหายใจนี้เป็นมงกุฏกรรมฐานมาแต่ครั้งดึกดำบรรพ์มาแล้ว

พอเรามีโอกาสดีๆ เราเข้าไปนั่งสมาธิเอามือขวาทับมือซ้าย

เอาขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายให้ตรง แล้วก็นึกในจิตของเราว่า

บัดนี้ เราจะวางภาระทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดไป ไม่เอาอะไรมาเป็นเครื่องกังวล ปล่อย...

ปล่อยให้หมด แม้จะมีธุระอะไรอยู่มากมายก็ปล่อย ปล่อยทิ้งในเวลานั้น

สอนจิตของเราว่า จะกำหนดตามลมอันนี้ ให้มีความรู้สึกอยู่แต่อารมณ์อันเดียว

แล้วก็หายใจเข้าหายใจออก การกำหนดลมหายใจนั้น

อย่าให้มันยาว อย่าให้มันสั้น อย่าให้มันค่อย อย่าให้มันแรง ให้มันพอดีๆ

สติ คือความระลึกได้ สัมปชัญญะ คือความรู้ตัวอันเกิดจากจิตนั้น ให้รู้ว่าลมออก ให้รู้ว่าลมเข้า

สบาย ไม่ต้องนึกอะไร ไม่ต้องคิดไปโน่น ไม่ต้องคิดไปนี่ ในเวลาปัจจุบันนี้ เรามีหน้าที่ที่จะกำหนด

ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่ที่จะไปคิดอย่างอื่นให้มีสติความระลึกได้ตาม

เข้าไป และสัมปชัญญะความรู้ตัวว่า บัดนี้ เราหายใจอยู่ เมื่อลมเข้าไป ต้นลมอยู่ปลายจมูก กลาง

ลมอยู่หทัยปลายลมอยู่สะดือ เมื่อหายใจออก ต้นลมอยู่สะดือ กลางลมอยู่หทัยปลายลมอยู่จมูก

ให้รู้สึกอย่างนี้

หายใจเข้า :- ๑. จมูก ๒. หทัย๓. สะดือ

หายใจออก :- ๑. สะดือ ๒. หทัย ๓. จมูก

กำหนดอยู่สามอย่างนี้ หายความกังวลหมด ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นกำหนดเข้าไปให้รู้ต้นลม กลางลม

ปลายลม สม่ำเสมอ แล้วต่อนั้นไปจิตของเราจะมีความรู้สึก ต้นลม กลางลม ปลายลม ตลอดเวลา

เมื่อทำไปเช่นนี้ จิตอันควรแก่การงานก็จะเกิดขึ้น กายก็ควรแก่การงาน การขบเมื่อยทั้งหลายจะ

ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ กายก็จะเบาขึ้น จิตก็จะรวมเข้า ลมหายใจก็จะละเอียดเข้า น้อยลงๆ เราทำ

แบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจิตมันจะสงบระงับลงเป็นหนึ่ง

หลวงปู่ชา สุภัทโท

ที่มา ธรรมปฏิสันถาร

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:เมื่อความคิดผุดขึ้นมาแล้ว เราก็คิดต่อหรือ ไม่คิดต่อดีกว่า

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

คัดลอกจากหนังสือ หนูอยากรู้ หน้า ๙๙

ถาม: หนูอยากรู้ว่าถ้าคิดไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่ เราควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ ?

ขอให้ทราบว่าทุกคนเคยคิดไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่

ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยคิดไม่ดี แต่สำคัญที่ว่า เราจะคิดต่อ

หรือไม่ ความคิดมีสองอย่าง คือความคิดที่ผุดขึ้นมา

และเมื่อรู้ตัวแล้วก็ปล่อยมันไป ความคิดอย่างนี้ไม่เป็น

บาปกรรม เราห้ามไม่อยู่หรอก แต่ที่เราควรจะระวังคือ

เมื่อความคิดผุดขึ้นมาแล้ว เราก็คิดต่อๆๆๆ ไปอีก ทำเรื่องเล็ก

ให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างนี้เป็นบาป ฉะนั้นต้องพยายามไม่ให้

เป็นเช่นนั้น บางทีเราน้อยใจ เสียใจ หรือไม่พอใจบ้าง

ความคิดความรู้สึกมันเกิดขึ้นของมันเอง พอรู้ตัวว่าความคิด

อย่างนี้ไม่ดี ไม่คิดต่อดีกว่า ก็ให้ปล่อยวาง นี่คือวิธีการที่เรา

ควรทำ แต่เราอย่าไปคิดว่าเราเป็นเด็กไม่ดี เป็นลูกไม่ดี เพราะ

คิดไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่

ความคิดมันเกิดขึ้นได้เหมือนเราเปิดประตู เราไม่รู้ว่าใครจะเดินเข้ามา คนดีก็เดินเข้ามาได้

จิตใจของเราก็เหมือนกัน อารมณ์ใดๆก็เข้ามาได้ทั้งนั้น สำคัญแต่ว่าเรายินดีต้อนรับหรือไม่

ถ้าเราไม่ยินดีต้อนรับ มันก็อยู่ไม่นานหรอก มันก็จะไปเอง

พระอาจารย์ชยสาโร

สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา

สามารถอ่านหนังสือของพระอาจารย์ชยสาโรเพิ่มเติมได้ที่

http://www.jayasaro.panyaprateep.org/books


#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Select your language