Dhamma together:ขอให้ท่านทั้งหลายจงสำรวจดูความสุขว่า ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต ครั้นสำรวจดูแล้ว ‘มันก็แค่นั้นแหละ’

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

คำว่า ‘มันก็แค่นั้นแหละ’ เป็นคำที่อาตมาชอบมากตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาไทย แต่หาคำแปลที่ถูกใจ

ไม่ค่อยได้ นอกจากสำนวนหนึ่งที่ไม่ตรงทีเดียวแต่พูดให้ความรู้สึกใกล้เคียงได้ คือ

“that’s all it is” หลวงพ่อชาเคยสอนว่า ‘มันก็แค่นั้นแหละ’ เป็นบทภาวนาที่เหมาะสมกับทุก

คนในทุกขณะ ใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ดียิ่ง ใช้อย่างสม่ำเสมอ

ความทุกข์จะค่อยลดลงไปเอง ครูบาอาจารย์องค์อื่นชอบใช้คำว่า ‘มันก็แค่นั้นแหละ’ เหมือนกัน

เช่น หลวงปู่ดูลย์ เคยสอนอย่างน่าฟังทีเดียวว่า

"ขอให้ท่านทั้งหลายจงสำรวจดูความสุขว่า ตรงไหนที่ตนเห็น

ว่ามันสุขที่สุดในชีวิต ครั้นสำรวจดูแล้ว มันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่

เราเคยพบมาแล้วนั่นเอง ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้น

ไม่มีในโลกนี้ มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซํ้าๆซากๆอยู่แค่นั้น

เกิด แก่ เจ็บ ตายอยู่รํ่าไป มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษ

กว่าประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น พระอริยเจ้าทั้งหลาย

ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจาก

ความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส เป็นความสุขที่ปลอดภัยหา

สิ่งใดเปรียบมิได้เลย.”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ชยสาโร

 

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:รู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องต่อเรื่องความใหม่และความเก่า

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

การที่จะมีความสุขที่แท้จริงนั้น มิใช่อยู่ที่การปรารถนาแล้ว

ได้สมปรารถนาทุกอย่าง หาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่อยู่ที่ว่า เราทำ

อย่างไรจะรู้จักว่าสมควรแก่ความปรารถนาของเราแล้ว ทำให้อยู่

ได้เป็นสุข ทำจิตใจของเราให้เป็นสุขได้ อันนั้นก็จะทำให้ได้

ความสุขที่แท้จริง ความสุขแท้มิใช่อยู่ที่การสนองความปรารถนา

เรื่อยไป ที่ไม่จบสิ้น ...มนุษย์ปรารถนาสิ่งใหม่เข้ามาอยู่เรื่อยๆ

ก็จะต้องรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องต่อเรื่องความใหม่และความเก่า

ความใหม่บางทีเราก็ไม่อาจจะได้เรื่อยไป 

ยกตัวอย่างง่ายๆ ร่างกายของเรา เราไม่สามารถจะให้เป็นร่างกายที่ใหม่ได้ตลอดกาล เมื่อวันเวลา

ล่วงผ่าน มันก็เป็นไปตามธรรมชาติ... ทีนี้ ถ้าเราปรับใจไม่ได้ เราต้องการแต่ความใหม่เรื่อยไป

ก็เกิดอาการขัดแย้งกับความปรารถนา เพราะคนเราไม่อาจจะได้ใหม่เรื่อยไป แต่จะต้องเจอกับ

เก่าด้วย เพราะมีสิ่งที่จำเป็นจะต้องเก่า และสิ่งใหม่ที่มี ก็ต้องกลายเป็นเก่า...

หนังสือ : สุขสดใส ใหม่ทุกเวลา

โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) พิมพ์ครั้งที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๔ หน้า ๒๔

สามารถอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้ที่ http://www.watnyanaves.net/th/book_detail/569

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ของขวัญปีใหม่ ของขวัญแห่งชีวิต ตลอดปีและตลอดไป

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

Dhamma togetherชีวิตของเราแต่ละคน เป็นสิ่งที่ทําให้สมบูรณ์ได้

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

งานไม่ใช่เป็นตัวเรา และก็ไม่ใช่เป็นของเราจริง แต่งานนั้นเป็น

กิจกรรมของชีวิต เป็นกิจกรรมของสังคม เป็นสิ่งที่ชีวิตของเรา

เข้าไปสัมพันธ์เกี่ยวข้อง แล้วก็ต้องผ่านกันไปในที่สุด

งานนั้น เราไม่สามารถทําให้สมบูรณ์แท้จริง เพราะมันขึ้นกับผลที่

มีต่อสิ่งอื่น ขึ้นกับปัจจัยแวดล้อม กาลเทศะ ความเปลี่ยนแปลง

ของสังคม คนอื่นจะต้องมารับช่วงทํากันต่อไป

แต่ชีวิตของเราแต่ละคน เป็นสิ่งที่ทําให้สมบูรณ์ได้ และเรา

สามารถทําให้สมบูรณ์ได้ แม้แต่ด้วยการปฏิบัติงานนี้แหละอย่าง

ถูกต้อง

เมื่อเราปฎิบัติต่องานหรือทํางานอย่างถูกต้อง มีท่าทีของจิตใจต่องานถูกต้องแล้ว ชีวิตก็จะเป็น

ชีวิตที่สมบูรณ์ในตัวในแต่ละขณะนั้นนั่นเอง นี่คือประโยชน์ในระดับต่างๆ จนถึงขั้นสูงสุด

ที่ทางธรรมได้สอนไว้ 

หนังสือ : ชีวิตนี้เพื่องาน งานนี้เพื่อธรรม

โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

พิมพ์ครั้งที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ หน้า ๓๖

สามารถอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้ที่

http://www.watnyanaves.net/th/book_detail/149

ธรรมะ #งาน #สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

Dhamma together:เมื่อใจว่างแล้ว มันก็โปร่งเบาสบายไม่รับอารมณ์ใดๆ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

"การนั่งสมาธิจริงๆ คือ กายก็นั่งตรงไม่คดงอ หรือเคลื่อนไหว

วาจาก็สงบนิ่งไม่กล่าวคำพูดใดๆ ใจก็ตั้งเที่ยงไม่เอียงเอน

และไม่วอกแวกไปจากตน เมื่อใจว่างแล้ว มันก็โปร่งเบาสบาย

ไม่รับอารมณ์ใดๆ เหมือนนกที่มีตีนแต่ก็ไม่มีรอยในอากาศ

เราจะมองไม่เห็นรอยตีนของมันเลย นี้ฉันใด ใจที่ว่างเปล่านั้น

ถึงใครจะด่าว่าให้มันก็ไม่มีตัวหนังสือในอากาศ ย่อมไม่มีอะไร

ติดอยู่ในใจฉันนั้น"....

 

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร

 

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ชีวิตช่วงขาลง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

"ชีวิตช่วงขาลง

หากเราเดินลงอย่างช้าๆ

และหัดพินิจพิจารณา

เราจะมีความสุข เป็นสุขที่

อาจจะยิ่งกว่าช่วงขาขึ้น

หรือเมื่อถึงจุดสูงสุด

ของการเดินทางเสียอีก

เพราะใจเป็นอิสระ

จากความคาดหวังทั้งปวง"

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together : หนึ่งนาทีอาจยาวนานเหมือนหนึ่งชั่วโมง แต่เวลามีสุข หนึ่งชั่วโมงเหมือนแค่หนึ่งนาที

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ยิ่งอารมณ์เข้มข้น เวลาตามความรู้สึกของเรากับเวลาตาม

เข็มนาฬิกาก็ยิ่งห่างจากกัน เวลามีทุกข์ หนึ่งนาทีอาจยาวนาน

เหมือนหนึ่งชั่วโมง แต่เวลามีสุข หนึ่งชั่วโมงเหมือนแค่

หนึ่งนาที หลายคนทำบุญเพื่อไปสวรรค์ ว่ากันว่าช่วงชีวิตใน

สวรรค์นั้นยาวนานหลายล้านปี แต่นั่นหมายถึงเวลาตาม

เข็มนาฬิกา ตามความรู้สึกของเทวดาช่วงเวลานั้นอาจสั้น

นิดเดียว การทำความดีเพื่อให้ขึ้นสวรรค์ไม่ได้ผิดตรงไหน

แต่เป็นการมองอะไรแคบไปหน่อย เมื่อเวลาในสวรรค์หมดลง

งานแท้จริงในการละกิเลสยังคงอยู่ สวรรค์เป็นเพียงที่พักผ่อน

หย่อนใจชั่วคราวเท่านั้น

 

ชยสาโรภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:อะไรๆทั้งสิ้นบรรดามีที่อยู่ในโลกนี้ มันมีลักษณะเฉพาะของมันซึ่งเด็ดขาด

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 


สังขารทั้งหลายทั้งปวงหรือโลกทั้งปวง อะไรๆทั้งสิ้น

บรรดามีที่อยู่ในโลกนี้ มันมีลักษณะเฉพาะของมัน

ซึ่งเด็ดขาด...ได้แก่ ลักษณะสามประการ

ลักษณะที่มันเปลี่ยนแปลงเรื่อย

ลักษณะที่มันจะใส่ความทุกข์ให้แก่บุคคลที่เข้าไปยึดถือ

และมันมีลักษณะที่เหลวคว้างเป็นมายา ไม่มีตัว ไม่มีตน

ไม่มีสาระแก่นสาร เรียกว่าว่างจากตัวตนอย่างนี้อยู่เป็นประจำ

เมื่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอากาศ ดังนี้อยู่

และคนโง่เข้าไปถือ ให้เป็นของเที่ยง ของสุข หรือเป็นอัตตา

ดังนี้ มันก็ไม่เป็นไปตามใจหวัง

ท้ายที่สุดมันก็จะต้องนั่งลงน้ำตาเช็ดหัวเข่า ในทุกกรณีที่จะต้องการให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามความต้องการ

ของตน นี่แหละเรียกว่าเป็นผู้หลับตาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ได้รับผลคือความทุกข์

แต่ถ้าเป็นบุคคลที่ได้ยินได้ฟังคำของพระอริยเจ้ามีสติปัญญาพิจารณาเห็นความจริงในสิ่งทั้งปวงแล้ว

มีจิตใจไม่ยึดถือสิ่งใดเป็นจริงเป็นจัง ไม่อยากหา ไม่อยากได้ ไม่อยากเป็นสิ่งใด ๆ หรือภาวะใด ๆ

ที่ความยึดถือจริงๆจังๆ เพราะเห็นความไม่เที่ยงและหลอกลวงเป็นมายาอยู่อย่างแจ่มชัด

ก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ด้วยอาการสักว่าเป็นของสมมุติ เป็นของชั่วคราว เป็นของเล่นๆ

หลอกๆ เป็นของอาศัยชั่วคราวเพื่อให้เกิดความรู้ที่ถูกต้องต่อไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่ใช่ช่วยให้ลุ่มหลง

ในสิ่งนั้นดังนี้ ผลที่เกิดขึ้นก็เป็นไปในทางที่จะให้เกิดความสะอาด สว่าง สงบ ผิดจากแต่ก่อนที่เต็มอัด

ไปด้วยความเศร้าหมอง มืดมัว และเร่าร้อน

เราได้อาศัยคำสอนของพระอริยเจ้ามีพระพุทธเจ้าเป็นประธานมาเป็นหลักในเบื้องต้น

ให้พิจารณาเห็นความจริงของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ไปพลาง

ให้พิจารณาเรื่อยไปตามลำดับ ไฝฝ้าในดวงตาก็จะค่อยบางไปเอง จนกระทั่งหมดสิ้นไป

พุทธทาสภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ความเจริญรุ่งเรือง ความตกต่ำทุกข์ร้อนก็ตาม ย่อมเกิดจากกรรม

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

 

"ในชีวิตมนุษย์...ความเจริญรุ่งเรือง ความร่มเย็นเป็นสุขก็ตาม

ความตกต่ำทุกข์ร้อนก็ตาม ย่อมเกิดจากกรรม ย่อมมีกรรม

เป็นเหตุ ให้เกิดอย่างแน่นอนเสมอไป

ผลดีทั้งปวง ย่อมเกิดจากกรรมดี มีกรรมดีเป็นเหตุ

ผลไม่ดีทั้งปวง ย่อมเกิดจากกรรมไม่ดี มีกรรมไม่ดีเป็นเหตุ

กรรมของผู้ใด ผลย่อมเป็นของผู้นั้น ผลจักไม่เป็นของผู้อื่น

ผู้ใดทำกรรมดี ผู้นั้นย่อมจักได้รับผลดี เป็นความเจริญรุ่่งเรือง

ร่มเย็นเป็นสุข ผู้ใดทำกรรมไม่ดี ผู้นั้นย่อมได้รับผลไม่ดี เป็น

ความตกต่ำ และเป็นความทุกข์ร้อน"

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ปล่อยวางความยึดมั่นสิ่งต่างๆด้วยสติ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

การให้อภัย คือ ยาสามัญประจำใจ

หากไม่รู้จักให้อภัย ใจจะเป็นแผลเหวอะหวะตลอดเวลา

ถ้าไม่มีก็ไม่เสียใจ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าสิ่งใดหายไป 

หาใหม่ก็ได้ ให้เตือนใจตัวเองเสมอว่า...

ทุกสิ่ง คือ ชั่วคราว คนที่เห็นแก่ตัว คิดถึงแต่เรื่องตัวเอง 

มักทุกข์ง่าย สุขยากเพราะความหลง ความไม่รู้ตัว 

ชอบแบกความทุกข์  ความโกรธทำให้ยิ่งยึด 

ยิ่งจม ไปในความเป็น 'ตัวเรา ของเรา'

คนที่นึกถึงตัวเองน้อยลง จะสุขง่าย ทุกข์ยาก

ความหลงยิ่งทำให้เราโอบกอดความรู้สึกผิด เศร้า โกรธ เราต้องปล่อยวางความยึดมั่นสิ่งต่างๆ ด้วยสติ

คนที่รู้สึกตัว รักตัวเอง จะไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่คิดร้าย เมื่อใดรู้สึกตัว ..

มีความทุกข์ แต่ไม่มีผู้ทุกข์

มีความป่วย แต่ไม่มีผู้ป่วย

มีความตาย แต่ไม่มีคนตาย

เพราะไม่มีความยึดมั่น ว่าเป็นเราของเรา จึงไม่ทุกข์ ไม่ป่วย ไม่ตาย

ความสุขที่แท้จะทำให้เรารู้จักพอ ไม่ต้องเหนื่อยในการแสวงหา รักษาการเสพการบริโภคสิ่งภายนอก

ที่ให้ความสุขเพียงชั่วคราว เปรียบเสมือนแสงสว่างจากไต้ที่ทำด้วยหญ้าคา .. แสงไม่นวลตา แสบตา

และไฟอาจไหม้มือ

พระไพศาล วิสาโล

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Select your language