พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ปัญญาไม่ใช่จะเกิดขึ้นในลำดับที่สมาธิคือความสงบใจ เกิดขึ้นแล้ว แต่ต้องอาศัยความฝึกหัดคิดค้นคว้าความ พินิจพิจารณา ปัญญาจึงจะเกิดขึ้น โดยอาศัยสมาธิเป็น เครื่องหนุนอยู่แล้ว ลำพังสมาธินั้นจะไม่กลายเป็นปัญญา ขึ้นมาได้ ต้องเป็นสมาธิอยู่ โดยดี ถ้าไม่ใช้ปัญญา พิจารณาต่างหาก สมาธิเพียงทำให้จิตมีความเอิบอิ่มมี ความสงบตัว มีความพอใจกับอารมณ์คือสมถธรรม ไม่ หิวโหยในความคิดโน้นคิดนี้ ไม่วุ่นวายส่ายแส่เท่านั้น
|
เพราะจิตที่มีความสงบย่อมมีความเย็น ย่อมเอิบอิ่มใน ธรรมตามฐานแห่งความสงบของตน แล้วนำ
จิตที่มีความอิ่มในสมถธรรมนั้นออกพิจารณา คลี่คลายดูสิ่งต่าง ๆ ด้วยปัญญา ซึ่งในโลกนี้ไม่มี
อันใดจะเหนือ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไปได้ มันเต็มไปด้วยสภาพเดียวกัน จงใช้ปัญญาพินิจพิจารณา
จะเป็นแง่ใดก็ตาม ตามแต่จริตนิสัยที่ชอบพอกับการพิจารณาในแง่นั้น ๆ โดยยกสิ่งนั้นขึ้นมา
พิจารณาคลี่คลายด้วยความสนใจ ใคร่รู้ใคร่เห็นตามความจริงของมันจริง ๆ อย่าสักแต่พิจารณา
โดยปราศจากเจตนาปราศจากสติกำกับ เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอสุภะกับจิตที่เต็มไปด้วยราคะความ
กำหนัดยินดี นี้เป็นคู่ปรับหรือคู่แก้กันได้ดีและดีมาก จิตมีราคะมากเพียงไรให้พิจารณาอสุภะ
อสุภังมากเพียงนั้นหนักเพียงนั้น จนกลายเป็นป่าช้าผีดิบขึ้นให้เห็นประจักษ์ใจในร่างกายของเขา
ของเราทั่วโลกดินแดน ราคะตัณหานั้นจะกำเริบขึ้นไม่ได้เมื่อปัญญาหยั่งรู้ว่ามีแต่ปฏิกูลเต็มตัว
ใครจะไปกำหนัดยินดีในปฏิกูล ใครจะไปกำหนัดยินดีในสิ่งที่ไม่สวยไม่งาม ในสิ่งที่อิดหนาระอาใจ
นี่เป็นยาระงับอสุภะอสุภังประการหนึ่ง เป็นยาแก้โรคราคะตัณหาขนานเอกขนานหนึ่ง เมื่อพิจารณา
สมบูรณ์เต็มที่แล้วให้จิตสงบตัวลงไปในวงแคบ
เมื่อจิตได้พิจารณาอสุภะอสุภังหลายครั้งหลายหน จนเกิดความชำนิชำนาญ พิจารณาคล่องแคล่ว
ว่องไวทั้งรูปภายนอกทั้งรูปภายใน จะพิจารณาให้เป็นอย่างไรก็เป็นได้อย่างรวดเร็ว แล้วจิตก็จะรวม
ตัวเข้ามาสู่อสุภะภายใน และจะเห็นโทษแห่งอสุภะที่ตนวาดภาพไว้นั้นว่า เป็นเรื่องมายาประเภท
หนึ่ง แล้วปล่อยวางทั้งสองเงื่อน คือเงื่อนอสุภะและเงื่อนสุภะ
•(#หัวใจพระวิปัสสนา)•
:::รู้อสุภะรู้อย่างไร:::
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล)
วัดป่าบ้านตาด
ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น