Dhamma together:คิดเป็นคติเครื่องเตือนใจแล้วสรุปลงในการตำหนิติชมตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


ใครเจริญก็ตาม ใครเสื่อมก็ตาม อย่าไปคิดให้

มากมาย  นอกจากจะคิดมาเป็นคติเครื่องเตือนใจ

ของตนเท่านั้น ไม่คิดเป็นเครื่องกังวลวุ่นวายแบบ

ที่โลกๆ เขาคิดกันเขาตำหนิ ติฉินนินทากัน ถึงกับนำ

มาพูดเป็นขี้ปากกันเหล่านี้ นั่นเป็นเรื่องของโลก 

ไม่ใช่เรื่องของธรรม อย่านำมาคิดมาเป็นอารมณ์ 

ให้เสียเวล่ำเวลา และเสียคุณธรรมของตนที่ควรจะ

ได้ไปต่างหาก เราอย่านำมาคิด


ถ้าคิดก็ให้คิดเป็นคติเครื่องเตือนใจ แล้วสรุปลงในการตำหนิติชมตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก...

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน

 #ฝึกฝนปัญญา พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ 

#เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก #สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:เมื่อเรามีความเมตตาต่อกัน ย่อมคิดที่จะเกื้อกูลกันให้มีความสุข

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 


 


"เมื่อเรามีความเมตตาต่อกัน 

ย่อมคิดที่จะเกื้อกูลกันให้มีความสุข 

ผิดพลาดไปบ้างก็ให้อภัยกัน 

แต่ถ้าขาดเมตตาต่อกันแล้วก็จะมีแต่การทำลาย 

มีความพยาบาทใครทำความไม่พอใจให้ 

ก็จะตอบแทนด้วยความไม่พอใจเช่นกัน 

จึงควรมีเมตตาต่อกัน เพื่อสังคมที่เป็นสุข" 

สมเด็จพระญาณสังวร 

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ที่ๆไม่มีอยู่นั่นแหละมันว่าง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

 

ที่ๆไม่มีอยู่นั่นแหละมันว่าง เหมือนกับที่ไม่มีภพนั่นแหละ

ก็เรียกว่ามันว่าง ตัดเยื่อใยออกเสียมันก็ว่าง

พอบอกว่าพระนิพพานคือความว่าง ถอยหลังเลยไม่ไปกลัว

กลัว จะไม่ได้เห็นลูก กลัวจะไม่ได้เห็นหลาน

กลัวจะไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น อย่างที่เวลาพระท่านให้พร

ญาติโยมว่า อายุ วรรณโณ สุขขัง พลัง โยมก็ดีใจสาธุ

เพราะชอบ มันจะได้อายุหลายๆ วรรณะผ่องใส

มีความสุขมากๆ มีพลังหลายๆ คนชอบใจ ถ้าจะพูดว่าไม่มีอะไร

แล้ว เลิกเลย ไม่ต้องเอาแล้ว


คนมันติดอยู่ในภพอย่างนั้น บอกไปตรงนั้น ไม่ไปไม่มีที่อยู่แล้ว อายุ วรรณโณ สุขขัง พลัง เออดีแล้วอายุ

ให้ยืนยาว วรรณโณให้มีวรรณะ ผิวพรรรณสวยงามให้มีความสุขมากๆ ให้มีอายุยืนๆ

คนอายุยืนๆมีผิวพรรณดีมีไหม เคยมีไหม? คนอายุหลายๆมีพลังมากๆมีไหม? คนอายุมากๆมีความสุขมากๆ

มีไหม? พอให้พรว่า อายุ วรรณโณ สุขขัง พลัง ดีใจสาธุกันทั้งนั้นทั้งศาลาเลย

นี่แหละมันติดอยู่ในภพนี้ เหมือนอย่างพราหมณ์บูชายันต์ ที่ทำพิธีบูชายันต์ เพราะต้องการสิ่งที่เขา

ปรารถนา การที่เรามาปฏิบัตินี้ไม่ต้องบูชายันต์ คือไม่ต้องการอะไร ถ้าต้องการอะไรมันก็ยังมีอะไรอยู่

ถ้าไม่ต้องการอะไรมันก็สงบ จบเรื่องของมัน แต่พูดให้ฟังอย่างนี้ ก็คงไม่ค่อยสบายใจอีกแล้ว

เพราะอยากจะเกิดกันอีกทั้งนั้น

หลวงปู่ชา สุภทฺโท

พระธรรมเทศนา "นอกเหตุเหนือผล"

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Where there is no abiding, that's where there's emptiness, and Nibbāna is this emptiness. People hear this and they back up a bit, they don't want to go. They're afraid they won't see their children or relatives. This is why, when we bless the lay people, we say ''May you have long life, beauty, happiness and strength.'' This makes them really happy, ''sādhu!3'' they all say. They like these things. If you start talking about emptiness they don't want it, they're attached to abiding. But have you ever seen a very old person with a beautiful complexion? Have you ever seen an old person with a lot of strength, or a lot of happiness? ...No...But we say, ''Long life, beauty, happiness and strength'' and they're all really pleased, every single one says ''sādhu!'' This is like the Brahmin who makes oblations to achieve some wish. In our practice we don't 'make oblations', we don't practise in order to get some return. We don't want anything. If we still want something then there is still something there. Just make the mind peaceful and have done with it. But if I talk like this you may not be very comfortable, because you want to be 'born' again.

- Ajahn Chah -

A Dhamma Talk "No Abiding"

Dhamma together:มีสติในความจริงของธรรมชาติ (natural law or natural truth)

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...



อานาปานสติ แปลว่ามีสติ มีสติ มีสติทุกครั้ง

ที่หายใจออกและหายใจเข้า หายใจเข้าและหายใจออก

ทุกครั้งเรามีสติ นี่ เรียกว่า อานาปานสติ

ถ้าถามว่ามีสติในอะไรก็ตอบว่ามีสติในความจริงของธรรมชาติ 

(natural law or natural truth)

เรามีสติในความจริงของธรรมชาติอยู่ทุกครั้ง

ที่หายใจเข้าและหายใจออก ดังนั้นเราจึงทำผิดไม่ได้ 

ถ้าพูดอย่างเด็กๆ พูดก็พูดว่าเราใช้ลมหายใจของเรา 

ให้เป็นประโยชน์ที่สุด เป็นประโยชน์สูงสุดนั่นคืออานาปานสติ

ถ้าพูดอย่างเด็กๆ พูด มนุษย์รู้จักใช้ลมหายใจให้เป็นประโยชน์ที่สุดมานานแล้ว แต่ว่ายังไม่ถึงที่สุด

เป็นเวลาหมื่นปีแสนปีมาแล้ว คนป่าสมัยโน้นเขาก็รู้จักหรือพยายามจะใช้เป็นประโยชน์

แต่ยังไม่มีความรู้ถึงที่สุด แต่ความรู้อันนี้ก็ค่อยๆ มีมาก มาก มากขึ้นๆ จนถึงที่สุดเมื่อพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น

พระพุทธเจ้าได้สอนวิธีใช้ลมหายใจให้เป็นประโยชน์ถึงที่สุด เรียกว่า "อานาปานสติภาวนา" อยู่ทุกครั้งที่

หายใจออกหายใจเข้า ที่จริงตามธรรมชาติแท้ๆ มันก็มีการรู้จักใช้ประโยชน์อันนี้อยู่แล้ว 

เมื่อเรามีความไม่สบายใจ มีความอัดอั้นในใจ อะไรรบกวนอยู่ในใจ ธรรมชาติก็ช่วยให้เราหายใจยาว 

หายใจยาวสองสามหน หายใจยาวสองสามหน เพื่อขับไล่ไอ้ความไม่สบายใจนั้นออกไปเสียได้

โดยธรรมชาติ มันก็สอนให้อยู่แล้ว ว่ามีการหายใจที่ถูกต้องสำหรับขจัดปัญหาตามธรรมชาติอย่างใด

อย่างหนึ่งอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ตัวอย่างง่ายๆ เช่นว่าเมื่อท่านรักอะไรหรือเกลียดอะไรหรือกลัวอะไร

อยู่ในใจนั้น ลองหายใจยาว ยาวๆ สองสามครั้ง เข้าออกสองสามครั้ง ความรู้สึกรักหรือเกลียด

หรือกลัวอะไรก็จะหายไป ไม่มากก็น้อย นี่ธรรมชาติมันก็มีอยู่เป็นหลักแล้ว เพียงแต่เรามาทำให้มันมากขึ้นๆ

 develop ให้มันมากขึ้นๆ จนขจัดปัญหาที่สูงสุด ปัญหาที่เป็นความทุกข์สูงสุดออกไปได้ 

นี่คืออานาปานสติภาวนา คำพูดคำนี้มันธรรมดาที่สุดน่ะ อานาปานสติ มีสติทุกครั้งที่หายใจเข้าออก 

แม้ไม่ใช่เรื่องธรรมะ ไม่ใช่เรื่องธรรมะ เรื่องธรรมดามันก็เป็นเหมือนกัน ท่านอยู่ที่นี่ นึกถึงบ้านของท่าน

ที่อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย นึกถึงบ้าน นึงถึงครอบครัวที่อยู่ทางโน้นอยู่ ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก

ก็เรียกว่าอานาปานสติเหมือนกัน แต่มันไม่ดับทุกข์ อานาปานสติอย่างนี้มันไม่ดับทุกข์ 

เราจะพูดกันแต่ชนิดที่มันดับทุกข์ได้

พุทธทาสภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:เราเป็นสุข เพราะเราทำ เราเป็นทุกข์ ก็เพราะเราทำอีกนั้นเอง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

มองตัวเราให้รู้ให้เห็นชัดตามความเป็นจริง

เขาเรียกว่า มองโลกให้ถูกต้อง

เราเชื่อว่าทั้งสิ่งทั้งหลาย มันเกิดขึ้นในตัวของเราเอง

เราเป็นผู้คิด เป็นผู้พูด เป็นผู้ทำสิ่งนั้นขึ้นมาเอง มันจึงเกิดเรื่อง

อย่างนี้ๆ แล้วเราจะไปแก้ตรงไหน ? แก้ที่ตัวเรา อย่าไปแก้ที่อื่น

คนเราเมื่อมองทุกข์ ต้องมองตัว ค้นหาสาเหตุที่ตัว

ให้ยึดหลักพระพุทธเจ้าว่า อะไรๆ ที่มันเกิดขึ้นที่ตัวเรา

ก็เพราะการคิดของตัวเรา การพูดของเรา และการกระทำ

ของเราเอง

ไม่มีสิ่งใดจะมาดลบัดดาลให้ใครเป็นสุข ไม่มีสิ่งใดมาดลบัดดาลให้ใครเป็นทุกข์ไปได้

เราเป็นสุข เพราะเราทำ เราเป็นทุกข์ ก็เพราะเราทำอีกนั้นเอง

พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ)

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:ปฏิบัติธรรม...พอสมควร...ทีละน้อยๆ...ทำเรื่อยๆ...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...




 ปฏิบัติธรรมะ...อย่าเอามาก ทำเรื่อยๆ สมควรแล้วล่ะ

เอามากเกินไปเป็นธรรมเมาน่ะ ธรรมเมานี่ลำบากน่ะ

มันเอาเรื่องมาแต่ดึกดำบรรพ์โน่น เวลามันตั้งขึ้น

มันเกิดมาจากไหนไม่รู้มัน ธรรมเมานี่สำคัญ

พอเผลอขึ้นมาแล้ว มันเมาคิดเมานึกไปเสียแล้ว

เอาล่ะน่ะ สมควร อย่าเอามากมาย เอาทีล่ะน้อย

ให้มันรวมเข้า รวมเข้า รวมเข้าเป็นเอกัคคตาได้เป็นดี

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ทำความดีแล้ว...ใช่ว่าจะเจอแต่สิ่งที่ดีๆเสมอไป...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


ไม่ใช่ว่าปฏิบัติธรรมแล้วชีวิตจะราบรื่น

เป็นมอเตอร์เวย์แปดเลนไปตลอดทาง 

ไม่ใช่ว่าทำความดีจะเจอแต่สิ่งดีที่ถูกใจเสมอไป 

โลกธรรมต้องมีอยู่เหมือนเดิม

เพราะเป็นของของโลกที่เราอยู่อาศัย 

คนดีเข้าป่ายุงไม่ได้กัดน้อยกว่าคนชั่ว 

เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องของโลก

ให้จัดเจน  โดยเฉพาะโลกธรรม 

ถ้าเรารู้เท่าทันโลกธรรม 

มันจะทำให้ใจเราไม่ต้องไปขุ่นมัวกับมัน

 


 

ชยสาโรภิกขุ 

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ความคิดจิตใจกระจ่างแจ้งและหนักแน่น นำพาไปสู่ความเจริญ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

“…การตั้งใจให้ถูกนั้น คือทำจิตใจให้สงบ หนักแน่น ไม่วู่วาม ไม่ปล่อยให้อคติต่าง ๆ เข้าครอบงำได้

โดยง่าย ฝึกหัดคิดพิจารณาเรื่องราวและปัญหาทั้งปวงด้วยความละเอียดรอบคอบ

และด้วยใจบริสุทธิ์ เป็นกลางเสมอ ทุกครั้งให้เป็นนิสัย อันเป็นวิธีที่จะช่วยให้เกิดปัญญา สามารถคิด

วินิจฉัยได้โดยกระจ่างแจ่มแจ้ง และปฏิบัติ แก้ไขได้ถูกต้องเที่ยงตรง การมีความคิดจิตใจอันกระจ่าง

แจ่มแจ้งและหนักแน่นอยู่เสมอดังกล่าว  จัดเป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่งของแต่ละบุคคล 

เป็นเครื่องนำพาบุคคลไปให้ประสบความเจริญ...”

 พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:เมื่อพบอุปสรรคก็แก้ไขไป รักษาการงานหรือสิ่งมุ่งจะทำไว้ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


 


"คนที่อ่อนแอ ย่อมแพ้อุปสรรคง่ายๆ

ส่วนคนที่เข้มแข็งย่อมไม่ยอมแพ้ เมื่อพบอุปสรรคก็แก้ไขไป

รักษาการงานหรือสิ่งมุ่งจะทำไว้ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น

ถืออุปสรรคเหมือนอย่างสัญญาณไฟแดง

ที่จะต้องพบเป็นระยะ ถ้ากลัวจะต้องพบสัญญาณไฟแดงตามถนน

ซึ่งจะต้องหยุดรถ ก็จะไปข้างไหนไม่ได้

แม้การดำเนินชีวิตก็ฉันนั้นถ้ากลัวจะต้องพบอุปสรรค 

ก็ทำอะไรไม่ได้"

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:สัจธรรมปลดปล่อยวาง…

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...



หลวงพ่อรูปหนึ่ง ปลูกกล้วยไม้ กระถางหนึ่งด้วยความทะนุถนอม กล้วยไม้ ก็แข็งแรง สวยงามยิ่งนัก…

วันหนึ่ง หลวงพ่อต้องออกไปธุระหลายวัน เลยฝากเณรน้อย ให้ช่วยดูแลเณรน้อย ก็เอาใจใส่ดูแลอย่างดี

กล้วยไม้ ก็ยิ่ง งอกงามด้วยดี วันหนึ่ง เณรน้อย ต้องออกไปธุระ ก่อนออกไปได้เอากระถางไปวาง

ตากแดดริมหน้าต่าง... หลังจากนั้น เกิดพายุอย่างไม่คาดคิด พัดเอากระถางตกลงบนพื้นแตกกระจาย

ต้นกล้วยไม้หักเละเณรน้อย กลับมาเห็น ตกใจ และ เสียใจมาก และ ยังกลัวถูก หลวงพ่อตำหนิด้วย…

ไม่กี่วัน หลวงพ่อ กลับมา เณรน้อย ก็บอกเล่าตามจริง เตรียมตัว เตรียมใจรับการถูกดุด่า

แต่หลวงพ่อ กลับไม่ได้ว่าอะไร ทำให้ เณรน้อยประหลาดใจ เป็นอย่างมากเพราะ

หลวงพ่อ รักกล้วยไม้ กระถางนี้มาก…หลวงพ่อ เพียงยิ้ม ๆ แล้วกล่าวว่า

“ ข้า ปลูก กล้วยไม้ ไม่ได้ เพื่อไว้โกรธนะ ”

คำง่าย ๆ กลับกลายเป็นสัจธรรมปลดปล่อยวาง…


 


คนเราทำงาน ไม่ได้เพื่อไว้โกรธกัน.. 

คนเรารักกัน ก็ไม่ได้เพื่อไว้โกรธกัน.

สิ่งที่ให้ไปแล้ว เมื่อเอากลับมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องโทษใคร

หรือ เสียใจ…ตอนมี ต้องใส่ใจ 

ตอนเสียไป ให้ปลดปลงไม่ติดค้างใครก็พอแล้ว…

ถ้าคุณแค้น ชีวิต ก็เต็มไปด้วย ความแค้น …

ถ้าคุณ นึกขอบคุณ ที่ใด ๆ ก็เต็มไปด้วยเรื่องที่น่าขอบคุณ… 

ถ้าคุณ เติบกล้า การงาน ก็จะก้าวหน้า …

ไม่ใช่ โลกนี้ เลือกคุณ แต่คุณ เป็นคนเลือก โลกใบนี้ …ฉะนั้น… จงอย่าโกรธลูก พ่อแม่ พี่น้อง 

เพื่อนร่วมงาน และทุกสรรพสิ่งในโลก จงใจกว้าง และ เมตตา อุเบกขา ปลดปล่อยวาง แค่นี้ ก็สุข" 😊

 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:รู้เท่าทันเจตนาของตน

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ศีลคือเจตนา ศีลจะมั่นคง ศีลจะบริสุทธิ์

ต่อเมื่อเราหันมาสนใจพัฒนาเจตนาของเรา

ศีลธรรมจะหนักแน่นก็เมื่อเรารู้เท่าทันเจตนาของตน

พอเราตั้งใจว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ แล้วคิดในเรื่องนี้บ่อยๆ

เจตนาที่จะไม่ฆ่าสัตว์ก็เกิดบ่อย อยู่ไปอยู่มากลายเป็น

ความเคยชิน

ทีแรกเจตนาทำบาปอาจจะแรงกว่าเจตนาจะงดเว้น

แต่ถ้าเราจริงใจ

นานๆเข้าจะรู้สึกว่าเจตนาจะไม่ทำจะแรงกว่าเจตนาจะทำ

เร็วกว่าจนกระทั่งคุณธรรมข้ออื่นๆ จะค่อยๆผุดขึ้นมา


อย่างเช่น เริ่มต้นมีแต่เจตนาจะไม่ฆ่าสัตว์ ตั้งใจว่าแม้จะเป็นสัตว์เล็ก สัตว์น้อย จะเป็นสัตว์ที่เรารู้สึก

ว่า น่าเกลียด ขยะแขยง จะเป็น ตุ๊กแก จิ้งจก ตะขาบ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ถึงเราจะอด รังเกียจมัน

ไม่ได้ เราจะไม่ทำร้ายมัน ถ้าเรารักษาศีลข้อนี้ไว้โดยทะนุถนอมเจตนาไม่เบียดเบียนเป็นหลัก

นานๆเข้า ความเมตตาอารีก็เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ วันใดวันหนึ่ง โอ้...จิ้งจกตัวนี้มันน่ารักดี

ตะขาบนี่ที่จริงมันไม่น่าเกลียด ก็ธรรมชาติของมันเป็นอย่างนั้นเอง ยั้วเยี้ยอย่างนี้น่าเอ็นดู

ชยสาโรภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:เรียก "ทุกข์" ว่า "โลก" เรียก "โลก" ว่า "ทุกข์"

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...



เรียก "ทุกข์" ว่า "โลก" เรียก "โลก" ว่า "ทุกข์"

แทนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "ทุกข์" ท่านกลับว่า "โลก"

อย่างที่ตรัสว่า " โลกก็ดี เหตุให้เกิดโลกก็ดี

ความดับของโลกก็ดี ทางที่ให้ถึงความดับของโลกก็ดี

บัญญัติไว้ในกายที่ยาววาหนึ่ง...มีสัญญาและใจ"

กล่าวอย่างนี้เป็น "ภาษาธรรม" คือไม่ใช่ภาษาชาวบ้าน

ตามธรรมดา โลกอย่างวัตถุ ภาษาชาวบ้านนั้นหมายถึง

ตัวแผ่นดิน ตัวสิ่งต่าง ๆที่มีอยู่ในแผ่นดินหรือตัวคน 

ตัวสัตว์ แต่แล้ว "ความหมาย" ของสิ่งเหล่านั้นคืออะไร

 ความหมายของสิ่งเหล่านั้น คือ เมื่อไปยึดมั่นว่าโลกเข้าก็จะมีความทุกข์ คำว่ายึดมั่นนี้มันมีความหมาย

ละเอียดมาก เช่นกระดาษหรือโลหะที่เป็นเงิน ถ้าเรายึดมั่นว่าเป็นเงินและเป็นเงินของเรา ก็เกิดเป็นทุกข์

ขึ้นมา ถ้าไม่มีความยึดมั่นก็เป็นกระดาษหรือเป็นเนื้อโลหะ เช่น แร่เงินเป็นต้นไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์

ขึ้นมา ดังนั้น การที่เราเรียกมันว่า "โลก" นั้น มันมีความหมายต่อเมื่อ มีความยึดถือในฐานะที่มีอะไร 

ต่างๆ ที่น่าสนใจ น่ารักน่าพอใจ น่าเอาใจใส่ น่าทึ่งอย่างนี้เป็นต้น...เราสำคัญว่านี่โลกมันจึงเป็นโลก 

ถ้าไม่ได้สำคัญว่าเป็นโลกมันก็ไม่ได้เป็นอะไร นี่และภาษาธรรมมีอยู่อย่างนี้ เราไปคิดว่ามันเป็นอะไรมัน

ก็เป็นอันนั้นขึ้นมาทันที และความคิดของเราก็เป็นไปตามความหมายของมัน หรือคุณค่าของมัน 

ในส่วนที่เราสนใจหรือต้องการ ความหมายอื่น ๆ เราไม่สนใจเราไม่ต้องการ เราต้องการแต่ความหมาย

ที่เราพอใจ จะให้เป็นอย่างนั้น ดังนั้นถ้าใครมาเรียกเราว่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งเราก็ไม่ชอบ แต่ถ้าเรียกว่า

เป็นคนจึงจะชอบ ถ้าเรียกว่าเป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา จะยิ่งชอบนี่มันเป็นความหมายที่มนุษย์รู้สึกเอา

ตามความพอใจของมนุษย์ เมื่อยึดถือว่าโลกมันก็เป็นโลก ไม่ยึดถือว่าเป็นโลกมันก็เป็นวัตถุธาตุหรือ 

เป็นอะไรไปตามเรื่องราวของมัน และเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติต่าง ๆ เท่านั้นเอง  

นี้อย่างหนึ่งที่ได้เรียก "ทุกข์" ว่า "โลก" เรียก "โลก" ว่า "ทุกข์" 

พุทธทาสภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:ทางสายกลาง...ทางสายเอก...

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...





"ทางสายกลาง...เป็นทางสายเอก...

 ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

 ใครที่เดินมาทางสายนี้

 ก็มีความสุขได้ทุกคน

 ไม่จำเป็นต้องบวช

 ไม่จำเป็นต้องอยู่คนเดียว

 ไม่จำเป็นต้องทิ้งครอบครัว

 ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับคนในสังคมได้

 โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่..."





พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ปล่อยวางความยึดติดถือมั่นในตัวตน ซึ่งเป็นรากเหง้าของความทุกข์ทั้งปวง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

การเจริญสติทำให้เราเกิดปัญญา

ไม่ใช่แค่ปล่อยวางอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

ที่สำคัญคือปล่อยวางความยึดติดถือมั่นในตัวตน ซึ่งเป็น

รากเหง้าของความทุกข์ทั้งปวง เป็นเพราะยึดติด

อย่างนี้แหละที่ทำให้ แก่ก็เป็นทุกข์ เจ็บก็เป็นทุกข์

ตายก็เป็นทุกข์ แต่ถ้าหากวางความยึดติดถือมั่นได้

ไม่มีตัวกูของกูอีกต่อไป อะไรจะเกิดขึ้นก็เห็นเป็นธรรมดา

แก่ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่ทุกข์ เจ็บก็เป็นธรรมดาไม่ใช่ทุกข์

ตายก็เป็นธรรมดาไม่ใช่ทุกข์ โกรธก็เกิดขึ้นได้แต่ไม่เอา

พระไพศาล วิสาโล

http://sanghanussati.blogspot.com/2014/07/blog-post_46.html

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:พุทธศาสนาคือ มารู้สึกต่อการเคลื่อนการไหวในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั่นแหละ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ใช้สติดูจิตใจ ไม่ว่าความคิดอะไรเกิดขึ้น เห็นมันทันที และเราจะรู้ถึงความหลอกลวง รู้ทันเวลา

รู้การป้องกัน และรู้การแก้ไข รู้ถึงการเอาชนะความคิดปรุงแต่ง ศีลจะเกิดขึ้นภายในจิตใจของเราเอง

ไม่ใช่คนดอกที่รักษาศีล แต่ศีลต่างหากที่รักษาคน ให้ลืมตาทำ เคลื่อนไหวโดยวิธีใดก็ให้รู้

มันเป็นการไหลไปตามธรรมชาติของมัน ตาก็ไม่ต้องบังคับให้มันหลับ ให้มันกะพริบขึ้นลงได้

ตามธรรมชาติ เหลือบซ้าย แลขวาก็ได้ มันจึงเป็นการปฏิบัติธรรมกับธรรมชาติ และมันก็รู้กับ

ธรรมชาติจริงๆ ถ้ารู้สึกในการเคลื่อนไหวได้ ก็เป็นการปฏิบัติธรรม ซักเสื้อผ้า ล้างถ้วย

ล้างชาม ถ้ารู้สึกที่มันเคลื่อนไหวในขณะนั้น ก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้

จะไปไหนมาไหน อาบน้ำ ซักเสื้อ ซักผ้า ก็ให้มีสติดูการเคลื่อนไหวของรูปกาย และมีสติ

ดูจิตดูใจอยู่เสมอ นั่นแหละท่านเรียกว่า ปฏิบัติให้ติดต่อเหมือนลูกโซ่

คำว่าติดต่อกันเหมือนลูกโซ่นั้น ไม่ใช่แต่ว่านั่งอยู่ในห้องกรรมฐานเพียงอย่างเดียวเสมอไป

พุทธศาสนาคือ มารู้สึกต่อการเคลื่อนการไหว

ในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั่นแหละ คือมันรู้สึกในการ

เคลื่อนไหวของกายและใจ เป็นญาณเข้ามารู้

รู้สึกที่เนื้อ ที่ตัวตื่นตัว มันจะเป็นใหญ่ในตัว

ของมันได้เอง รู้สึกใจ ตื่นใจ มันจะเปลี่ยนแปลง

เป็นใหญ่ในใจของมันได้เอง เมื่อมันเปลี่ยนแปลง

มันก็เหมือนกับเราหงายของที่คว่ำขึ้นมา มันก็เห็น

ว่ามีอะไรอยู่ที่ตรงนั้น

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:ตัวสติ ตัวมาร

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

เมื่อมีสติแล้ว อะไรจะมาผูกมัดไม่ได้

ถ้ามีสติอยู่ทุกเมื่อ มันก็ไม่หลงใหล

นั่นแหละมารไม่สามารถจะมองเห็นได้ ตัวมาร คือ ไม่มีสติ,

ตัวมาร คือ ความลุ่มหลง,คือ ความประมาท เพลิดเพลิน

ในกามคุณทั้งห้า อันมี รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

(สัมผัสกาย) เป็นดอกไม้ของมาร เมื่อไปชมดอกไม้

มันก็ดักเอาตรงนั้นน่ะซี ตาเห็นรูป มารก็ไปดักเอาตรงนั้น

ที่ชอบใจไม่ชอบใจอะไรต่างๆ ถูกบ่วงหมด

กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ทั้งหมดทั้งดีและชั่ว เรียกว่าถูกบ่วงมารทั้งนั้น

เราทุกคนไม่มี “สติ” ได้ชื่อว่า ถูกบ่วงของมารแล้ว

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน


Dhamma together:การเว้นวรรคให้กับชีวิต

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


การเข้าพรรษาถือเป็นการเว้นวรรคให้กับชีวิตก็ได้ ชีวิตบางคน

เร่งรีบมาก แต่ว่าถ้าเราลองมาทำอะไรสักอย่างที่ดีๆ ลด ละ 

บางอย่างที่ไม่ดี มันก็ช่วยทำให้ชีวิตของเราช้าลง มันจะช่วย

ทำให้ชีวิตเรามีช่องว่างที่จะได้ผ่อนคลาย ถึงแม้ใหม่ๆ จะเป็น

เรื่องยากเพราะเป็นการขัด สวนทางกับนิสัยเดิม เช่น บางคน

บอกว่าติดกาแฟ ขอเลิก ในพรรษานี้นะ จะเลิกกาแฟ หรือเลิก

บุหรี่ ใหม่ๆมันยากนะมันเหมือนทรมานแต่ว่าถ้าทำไปสักพักแล้ว

จะพบว่า ชีวิตเราปรอดโปร่งมาก คือจิตใจเราปรอดโปร่งมากขึ้น 



การเข้าพรรษาไม่ใช่แค่ลดละสิ่งที่ไม่ดี เราจะตั้งใจทำสิ่งดีดีก็ได้เช่น จะทำสมาธิวันละสิบนาที วันละ 

สิบห้านาที หรือแม้แต่วันละห้านาที ก็ยังดีนะ ขอให้ทำทุกวันก็แล้วกัน บางคนอาจจะตั้งใจแล้ว ถ้าถึง 

วันพระแล้วจะปล่อยนก ปล่อยปลา อันนี้ก็เป็นการบำเพ็ญทาน การรักษาศีล หรือจะทำสมาธิก็ได้ 

อย่างที่บอกห้านาทีนี่ก็สำคัญ

เคยมีเรื่องเล่าว่ามีชายหนุ่มสองคนมากราบหลวงปู่ดู่ เพื่อนคนหนึ่งก็ศรัทธาหลวงปู่ดู่มากแล้วก็เลยชวน

เพื่อนอีกคนหนึ่งว่า ซึ่งเป็นคนติดเหล้านะว่าไหน ๆ มากราบหลวงปู่ดู่แล้วก็บอกหลวงปู่ดู่เลยนะว่า 

จะรักษาศีลแล้วก็จะทำสมาธิ เพื่อนคนนั้นก็บอกว่ารักษาศีลไม่ได้หรอกยังติดเหล้าอยู่เลยจะไม่สมาทาน

ศีลหรอก หลวงปู่ดู่ได้ฟังก็บอกว่า

“แกจะกินเหล้าก็เป็นเรื่องของแกนะ แต่ว่าแกจะทำสมาธิให้ฉันได้มั้ย วันละห้านาที ” 

ผู้ชายคนนั้นก็ถามหลวงปู่ดู่ว่า ห้านาทีเท่านั้นเหรอ หลวงปู่ดู่ก็ว่า ห้านาทีเท่านั้นแหละ เขาก็เห็นว่า

พอไหวก็เลยรับ ทั้งนี้พอเขารับปากใครแล้วเขาก็ทำจริงจัง กลับไปบ้านเขาก็ นั่งสมาธิทำสมาธิทุกวัน 

วันละห้านาที ทำสมาธิเสร็จก็ไปกินเหล้า แต่บางวันกำลังทำสมาธิอยู่เพื่อนมาช่วยกินเหล้าก็บอกว่าไม่ไป

กำลังนั่งสมาธิ นั่งสมาธิเสร็จถึงค่อยไป แต่ทำไปๆ ตอนหลังเพื่อนมาชวนก็ไม่ไปแล้ว เพราะว่าได้รับ

อานิสงส์ของการทำสมาธิ ใจสงบเย็น

แต่เดิมนั่งวันละห้านาที ก็เพิ่มเป็นสิบนาที สิบห้านาที เพื่อนมาชวนกินเหล้าก็ไม่ไป ไม่ให้อะไรมา

ขัดขวางการนั่งสมาธิ สุดท้ายก็เลิกเหล้าได้ ตอนหลังก็มีศรัทธาปสาทะในพระธรรมก็เลยบวช ก็บวชอยู่

ยาว ชีวิตเขาก็เปลี่ยนได้นะจากการนั่งสมาธิเพียงแค่วันละห้านาที เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า

อย่าประมาทในธรรมในกุศลธรรมแม้เพียงเล็กน้อย

พระไพศาล วิสาโล

#หอจดหมายเหตุพุทธทาส #BIA

ถอดคำบรรยาย โดย ปัทมาวดี โพธสุธน

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:ธัมมจักกัปปวัตนสูตรในวันอาสาฬหบูชา

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 


วันเพ็ญเดือนแปด คือวันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่

พุทธศาสนิกชนระลึกถึงโอกาสที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ

เจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตนสูตร แก่ปัญจวัคคีย์

ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

ข้อสังเกตของธัมมจักกัปวัตนสูตร คือพระพุทธองค์ไม่ได้

แสดงธรรมโดยใช้ภาษาสูงหรือพูดในระดับอภิปรัชญา

พระพุทธองค์เริ่มต้นด้วยการชี้แจงความคิดผิดของผู้ฟัง คือ

ปัญจวัคคีย์ยังเชื่อว่าการปฏิบัติที่ถูกต้อง คือการทรมาณกาย

เพื่อทำลายความยึดติดในกาย และผู้ที่ไม่ปฏิบัติอย่างนี้มีทาง

เลือกเหลืออยู่ทางเดียวคือหลงอยู่ในกาม

พระพุทธองค์จึงทรงเริ่มด้วยการยืนยันว่าปัญจวัคคีย์คิดแบบสุดโต่ง ที่จริงทางเลือกที่สามมีอยู่

และเป็นทางอันประเสริฐที่พระองค์ทรงตั้งชื่อว่า ทางสายกลาง พระพุทธองค์คงทรงทำให้

ปัญจวัคคีย์สะดุ้งตั้งแต่ประโยคแรก เพราะพระพุทธองค์ทรงทราาบดีว่าก่อนที่ใครจะรับความคิด

ใหม่ต้องวางของเก่าเสียก่อน เช่นเดียวกับการที่จะต้องซักผ้าก่อนที่จะย้อมสีได้

 

 

ข้อสังเกตข้อที่สองคือเนื้อหาในธัมมจักกัปวัตนสูตรมุ่งที่แนวทางปฎิบัติ ไม่ใช่หลักความเชื่อใน

อริยสัจสี่ พระพุทธองค์จึงเน้นที่การปฏิบัติต่ออริยสัจแต่ละข้อ คือทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ สมุทัย

เป็นสิ่งที่ต้องละ นิโรธเป็นสิ่งที่ต้องทำให้แจ้ง และมรรคเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดมี

 

ข้อที่สาม ความรู้ที่เกิดขึ้นในจิตใจของพระอัญญาโกณฑัญญะ ซึี่งทำให้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

เป็นการพิสูจน์ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบแน่ได้ว่าทางไปสู่มรรค ผล นิพพาน ถ่ายทอดได้

(ถ้าใช้ภาษาชาวบ้าน คือพระพุทธองค์ทรงได้กำลังใจในการเผยแผ่คำสอน)

 

ข้อที่สี่ พระอัญญาโกณฑัญญะสรุปความรู้ที่ได้ในการบรรลุธรรมว่า สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ซึี่งเป็นการเตือนสติว่า การพ้นทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ความคิดสลับซับซ้อน

หากอยู่ที่การกำหนดรู้ความเป็นจริงของกายและใจ ด้วยจิตที่ไม่เศร้าหมอง

พระอาจารย์ชยสาโร

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:การรับรู้รวมสิ่งที่เป็นตัวรู้และสิ่งซึ่งมาปรากฏให้รู้

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

จิตใจคือการรับรู้ การรับรู้รวมสิ่งที่เป็นตัวรู้และสิ่งซึ่งมาปรากฏให้รู้

สองสิ่งนี้สัมพันธ์กัน พระอาจารย์กรรมฐานชาวเวียดนามชื่อฮวงไฮ

เคยกล่าวว่า เวลาเห็นวัตถุภายนอกนั้น ก็เท่ากับเห็นจิตตัวเองด้วย

ถ้าฝ่ายรับรู้ไม่เกิดขึ้น สิ่งที่มาให้รู้ก็เกิดขึ้นไม่ได้

เวลาจิตของเรารับรู้อะไร เรากลายเป็นสิ่งนั้นไป เวลาเราเพ่งไป

ที่ภูเขาอันมีหิมะปกคลุมอยู่นั้น เรากลายเป็นภูเขาไปด้วย

เวลาเราเพ่งดูภาพยนต์อันเอะอะวุ่นวาย เราก็กลายเป็นภาพยนต์

อันเอะอะวุ่นวายนั้นไปด้วย จิตของเราก็ดุจดังโทรทัศน์ ที่มีช่อง

รับช่องส่งเป็นพันๆ เป็นแต่เราเปิดรับส่งได้ทีละช่องเท่านั้น


ถ้าเราเปิดช่องโกรธ เราก็จะโกรธ เวลาเราเปิดช่องสงบ ช่องสุข เราก็จะเป็นเช่นนั้น เราสามารถเลือกช่อง

ไหนๆก็ได้ เราเป็นไปตามที่เราเลือกจะเป็น เราจะเปิดช่องไหนของจิตก็ได้ ช่องพระพุทธเจ้าหรือช่อง

พญามาร ความจำก็เป็นช่องหนึ่ง ความหลงลืมอีกช่องหนึ่ง ความสงบเป็นช่องหนึ่ง ความรำคาญเป็น

อีกช่องหนึ่ง การแปรสภาพหนึ่งไปเป็นอีกสภาพหนึ่งนั้นง่ายดายดุจดังเปลี่ยนช่องของเครื่องโทรทัศน์

เช่นเปลี่ยนจากภาพยนต์เป็นดนตรี นั่นเอง หลายคนทนความสงบและความเงียบไม่ได้ เมื่ออยู่คนเดียว

ไม่ได้ ก็ต้องดูโทรทัศน์ เพื่อให้จิตใจอยู่ใต้อำนาจของโทรทัศน์ตลอดคืนจนถึงเวลานอน

วัฒนธรรมของสังคมคนปัจจุบัน ทำให้ไม่อยากอยู่คนเดียว มักอยากลืมตัวเอง ถ้าไม่ดูโทรทัศน์

ก็ต้องไปโรงหนัง โรงละคร หรือสถานที่บันเทิงเริงรมย์ต่างๆ เพราะยากที่ใครจะมองดูตัวเอง

อย่างล้วงลึกลงไปให้เกิดความรักในตัวเองและเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น ส่วนเฉลี่ยของเยาวชนในสหรัฐ

ดูโทรทัศน์กันกว่าวันละห้าชั่วโมง นอกเหนือไปจากเครื่องเล่นอิเลกโทรนิคต่างๆ ที่ช่วยให้ลืมตัวเอง

ถ้าวัฒนธรรมเช่นนี้แพร่ขยายออกไป ให้มนุษย์ไม่รู้จักตัวเอง จนอยู่ใต้มนต์สะกดของมายา

ที่จริงโทรทัศน์ก็มีรายการดีๆ ที่สอนคนและเป็นคุณค่าอยู่มิใช่น้อย แต่ที่เลวร้ายในทางมอมเมาอย่าง

โฆษณาชวนเชื่อ ให้ตกอยู่ใต้อำนาจพญามาร นั้นมากมายนัก

ถ้าเรารู้จักเลือกเฉพาะรายการที่มีคุณประโยชน์โดยไม่ควรเป็นทาสของโทรทัศน์ จะช่วยให้เรามีทาง

เป็นไทแก่ตัวได้ ไม่หลงตามอายตนะภายนอก

ท่านติท นัช ฮันท์

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Dhamma together:การคิดนึกในทางที่ถูกที่ชอบในรูปอย่างนี้ ก็เรียกว่าเป็นคนมีศีลธรรมประจำจิตใจ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

เมื่อมีศีลเราก็ต้องมีธรรมะคู่กันกับศีลด้วย เพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน

ศีลกับธรรมะไม่เหมือนกัน

ศีลเป็นเรื่องละ ธรรมะเป็นเรื่องเจริญ เมื่อละแล้วก็เจริญ

เหมือนเราขุดดินแล้วต้องปลูกพืชปลูกผักลงไป ถ้าขุดดิน

แล้วไม่ปลูกพืชปลูกผัก มันก็ไม่ได้เรื่องอะไร

เราต้องปลูกพืชปลูกผักลงไป จะได้เกิดประโยชน์เกิด

ความสุขแก่เราต่อไป ผู้มีศีลแล้วก็ต้องมีธรรมคู่กัน เช่น


ถือศีลข้อหนึ่ง งดเว้นจากการฆ่า ก็ต้องมีเมตตาธรรมประจำใจ ปรารถนาความสุขความเจริญแก่เพื่อน

ทั้งหลาย รวมทั้งสัตว์เดรัจฉานด้วย

งดเว้นจากการถือเอาของผู้อื่นแล้ว เราต้องเป็นผู้มีสัมมาชีพ คือ งดเว้นจากการถือเอาของผู้อื่นแล้ว

เราต้องเป็นผู้มีสัมมาชีพ คือ มีอาชีพชอบธรรม ทำมาหากิน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ

ถือศีลข้อสาม ก็งดเว้นจากการประพฤติล่วงเกินของรักดังดวงใจของเขาแล้วก็ต้องพอใจในคู่ครองของตน

เมื่องดเว้นจากการพูดโกหกแล้ว เราก็ต้องพูดคำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำสมานสามัคคี พูดคำที่ดี

มีประโยชน์เสียบ้าง

เมื่อเรางดเว้นจากการดื่มกินของมึนเมา ที่ทำลายสติปัญญาให้หมดไป ก็หัดทำตนให้มีสติสมบูรณ์

มีปัญญาสมบูรณ์ อย่าทำอะไรด้วยความเผลอ อย่าทำอะไรด้วยความเขลา ทำจิตใจให้มี

สติปัญญาสมบูรณ์ไว้ ก็จะเอาตัวรอดปลอดภัยจากอันตรายด้วยประการทั้งปวง

การคิดนึกในทางที่ถูกที่ชอบในรูปอย่างนี้ ก็เรียกว่าเป็นคนมีศีลธรรมประจำจิตใจ

เมี่อมีศีลธรรมประจำจิตใจแล้ว ก็เรียกว่ายืนอยู่บนฐานมั่นคง บนบันไดขั้นแรก

อย่าหยุดเพียงเท่านั้น ต้องก้าวหน้าต่อไป ก้าวหน้าไปสู่รากฐานที่ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น

ปัญญานันทภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

Select your language