Dhamma together:การคิดนึกในทางที่ถูกที่ชอบในรูปอย่างนี้ ก็เรียกว่าเป็นคนมีศีลธรรมประจำจิตใจ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

เมื่อมีศีลเราก็ต้องมีธรรมะคู่กันกับศีลด้วย เพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน

ศีลกับธรรมะไม่เหมือนกัน

ศีลเป็นเรื่องละ ธรรมะเป็นเรื่องเจริญ เมื่อละแล้วก็เจริญ

เหมือนเราขุดดินแล้วต้องปลูกพืชปลูกผักลงไป ถ้าขุดดิน

แล้วไม่ปลูกพืชปลูกผัก มันก็ไม่ได้เรื่องอะไร

เราต้องปลูกพืชปลูกผักลงไป จะได้เกิดประโยชน์เกิด

ความสุขแก่เราต่อไป ผู้มีศีลแล้วก็ต้องมีธรรมคู่กัน เช่น


ถือศีลข้อหนึ่ง งดเว้นจากการฆ่า ก็ต้องมีเมตตาธรรมประจำใจ ปรารถนาความสุขความเจริญแก่เพื่อน

ทั้งหลาย รวมทั้งสัตว์เดรัจฉานด้วย

งดเว้นจากการถือเอาของผู้อื่นแล้ว เราต้องเป็นผู้มีสัมมาชีพ คือ งดเว้นจากการถือเอาของผู้อื่นแล้ว

เราต้องเป็นผู้มีสัมมาชีพ คือ มีอาชีพชอบธรรม ทำมาหากิน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ

ถือศีลข้อสาม ก็งดเว้นจากการประพฤติล่วงเกินของรักดังดวงใจของเขาแล้วก็ต้องพอใจในคู่ครองของตน

เมื่องดเว้นจากการพูดโกหกแล้ว เราก็ต้องพูดคำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำสมานสามัคคี พูดคำที่ดี

มีประโยชน์เสียบ้าง

เมื่อเรางดเว้นจากการดื่มกินของมึนเมา ที่ทำลายสติปัญญาให้หมดไป ก็หัดทำตนให้มีสติสมบูรณ์

มีปัญญาสมบูรณ์ อย่าทำอะไรด้วยความเผลอ อย่าทำอะไรด้วยความเขลา ทำจิตใจให้มี

สติปัญญาสมบูรณ์ไว้ ก็จะเอาตัวรอดปลอดภัยจากอันตรายด้วยประการทั้งปวง

การคิดนึกในทางที่ถูกที่ชอบในรูปอย่างนี้ ก็เรียกว่าเป็นคนมีศีลธรรมประจำจิตใจ

เมี่อมีศีลธรรมประจำจิตใจแล้ว ก็เรียกว่ายืนอยู่บนฐานมั่นคง บนบันไดขั้นแรก

อย่าหยุดเพียงเท่านั้น ต้องก้าวหน้าต่อไป ก้าวหน้าไปสู่รากฐานที่ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น

ปัญญานันทภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language