Dhamma together:เข้าถึงความเป็นกลางด้วยปัญญา

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

เรามาเรียนรู้ความจริงอยู่ในปัจจุบัน 

ดูกายอย่างที่กายเป็นดูใจอย่างที่ใจเป็น 

จนวันหนึ่งเราเข้าใจ มันเป็นอย่างนี้แหละ

ของไม่เที่ยง ของที่ถูกบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เป็นของที่ไม่อยู่

ในอำนาจบังคับ ไม่เป็นไปตามใจอยาก แต่เป็นไปตามเหตุ

ของมัน พอใจยอมรับตรงนี้ได้ใจจะเข้าสู่ความเป็นกลาง

เพราะฉะนั้น ถ้าเราเห็นความเป็นจริงมากเข้านะ

ใจจะยอมรับได้ ใจจะเข้าสู่ความเป็นกลางด้วยปัญญา

คำว่า “กลาง” มีหลายแบบ บางอย่างกลางด้วยสมาธิ จิตไม่เป็นทุกข์ไม่เป็นสุขอะไร เฉยๆ

อุเบกขาก็เป็นกลาง กลางด้วยสติก็มี เช่น รักขึ้นมารู้ทัน มันดับเกลียดขึ้นมารู้ทัน มันดับ

จิตเป็นกลาง กลางแบบนี้อย่างกลางชั่วคราว กลางด้วยสติ กลางด้วยสมาธิ-กลางชั่วคราว

เดี๋ยวก็ไม่เป็นกลางอีกแล้ว

ถ้ากลางด้วยปัญญา มันเห็นความจริง เรารู้ความจริงของกาย รู้ความจริงของใจมากๆ

ถึงวันหนึ่งจิตเข้าถึงความเป็นกลางด้วยปัญญา อย่างเรารู้ความจริงว่า ความสุขก็ชั่วคราว

ความทุกข์ก็ชั่วคราว ความดีก็ชั่วคราว ความชั่วก็ชั่วคราว อะไรๆ ก็เป็นของชั่วคราวหมดเลย

กระทั่งร่างกายนี้ก็เป็นของชั่วคราว เรานั่งดูอยู่ทุกวันเราเห็นเลย ร่างกายมันชั่วคราว

ร่างกายที่หายใจออกก็อยู่ชั่วคราวแล้วก็ตายไป

ร่างกายที่หายใจเข้าอยู่ชั่วคราวแล้วก็ตายไป

ร่างกายยืน เดิน นั่ง นอน ทุกอย่างชั่วคราวหมดเลย

พอใจมันยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว ใจจะเข้าสู่ความเป็นกลาง

ความสุขเกิดขึ้นไม่หลงยินดีหรอก เพราะรู้ว่าชั่วคราว ความสุขหายไปก็ไม่ต้องทุรนทุราย

เพราะยอมรับได้ว่ามันเป็นของชั่วคราว อย่างเรามีคนรักสักคน อยู่ด้วยกัน วันนึงเค้าไม่อยู่

ถ้าใจของเราภาวนาได้ดี เราจะรู้สึกว่าเรายังอิ่มใจอยู่

อย่างน้อยเคยได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขร่วมกันอยู่ช่วงหนึ่งแล้ว เราพอใจแล้ว

ไม่ใช่ว่าหิวโหยอยากจะอยู่อย่างนี้นิรันดร เพราะมันอยู่ไม่ได้จริง

ใจที่ยอมรับความจริงปัจจุบันได้จะไม่ทุกข์หรอก จะไม่มีความทุกข์เกิดขึ้น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

วัดสวนสันติธรรม

Cr. หนังสือ “เรื่องธรรมดา” หน้า ๖๘-๖๙

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language