พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ทุกข์เพราะอะไร? เราก็ต้องเอามานั่งคิดพิจารณาว่ามันเป็นทุกข์เพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะ
อุปาทาน อุปาทาน นั้นหมายความว่า เข้าไปยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นเรา
เป็นเขา ที่สำคัญก็คือนึกว่าเป็น "ตัวเรา" เป็น "ของเรา" ที่ท่านพุทธทาสพูดภาษาง่ายๆ
ว่าตัวกู-ของกู ใครฟังแล้วก็นึกว่าเป็นคำที่ค่อนข้าง จะเป็นชาวบ้านมากไปหน่อย แต่ว่าเป็นคำที่
ง่ายที่สุดว่า ตัวกู-ของกู คนเรามี“ตัวกู”ก่อน แล้วก็มี“ของกู”ขึ้นมา ในภาษาบาลีเรียกว่า อหังการ
มมังการ อหังการ คือ สำคัญว่าตัวมีตัวเป็น สำคัญว่าตัวเป็นก่อน แล้วก็สำคัญว่าตัวมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ คือ
มีตัวสำหรับรองรับแล้วมีอะไรเกิดขึ้น ตัวก็เข้าไปรับเอาสิ่งนั้น รับเอาว่าเป็นของฉันขึ้นมา อะไรก็เป็น
ของฉันไปหมด นี่เราคิดไปอย่างนั้น
| ความคิดอย่างนั้นมันเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ เป็นอุปาทาน คือ สร้างตัวยึดถือ ความยึดถือนั้นเป็น ตัวอุปาทาน ไม่ว่าเราจะไปยึดถืออะไร ที่นั้นมันก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์ขึ้นมา เช่น ยึดถือ ในเรื่องปัจจัยเงินทองว่าเป็นของฉัน มันก็เป็นทุกข์เพราะเงินนั้น รถของฉัน บ้านของฉัน อะไรของฉัน มีมากมายหลายเรื่องหลายอย่างที่อยู่ รอบๆ ตัวเรานั้น ถ้าเราเข้าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวฉัน เป็นของฉันขึ้นมา ไอ้ตัวยึดถือนั่นแหละ มันเป็นความทุกข์ขึ้นมา
| 
|
เพราะเกิดความยึดถือว่าเป็นตัวฉันเป็นของฉันแล้ว ก็เกิดความหวงแหนในสิ่งนั้นไม่อยากให้สิ่งนั้น
เป็นอย่างอื่น อยากให้เป็นของเราเสียตลอดเวลา ถ้ามันเป็นอื่นไปเราก็เป็นทุกข์ เพราะเรายึดว่าเป็น
ของฉันมันก็เกิดความทุกข์ เคล็ดของความทุกข์มันอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่เราเข้าไปยึดมันถือมันในเรื่อง
นั้นๆ ให้สังเกตดูให้ดี สังเกตที่ใจของเรา ถ้าอะไรไม่ใช่ของเรา เราไม่มีความทุกข์ความเดือดร้อน
อะไร หรือเราไม่ได้ยึดถือว่าเป็นของเรา มันจะแตกจะหักจะเป็นอะไรไปเราก็เฉยๆ เพราะไม่ใช่
ของเรา แต่ถ้าหากว่าเป็น“ของเรา”ขึ้นมา เข็มสักเล่มหนึ่งเราก็ยังเป็นทุกข์เพราะเข็มเล่มนั้น
เพราะว่าเข็มเล่มนั้นเป็น“ของฉัน”เป็น“ของเรา”ขึ้นมา นี่แหละคือความยึดถือ ที่พระท่านสอนว่า...
รูปปาทานักขันโธ-รูปที่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวทุกข์
ถ้ารูปเฉยๆ มันก็ไม่เป็นทุกข์แก่เรา แต่เป็นทุกข์ตามสภาพของมัน หมายความว่า มันทนอยู่ไม่ได้
ในสภาพอย่างเดียว มันต้องเปลี่ยนไปเพราะสิ่งทั้งหลายไม่เทียง มีความเปลี่ยนแปลง
มีความทุกข์โดยสภาพ ไม่มีอะไรที่เป็นเนื้อแท้ในตัวของมันเอง นั่นมันคือรูปเรื่องธรรมชาติมันเป็น
อย่างนั้นแต่ว่าคนเรามักจะหลงผิดเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆไม่ได้คิดในแง่ว่ามันไม่เที่ยง ไม่ได้คิดใน
แง่ว่ามันเป็นทุกข์ ไม่ได้คิดในแง่ว่ามันเป็นอนัตตา แต่เราคิดว่ามันเที่ยง มันเป็นสุข มันเป็นตัวตน
เป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา แล้วเข้าไปยึดถือในสิ่งที่เป็นนั้น แล้วก็มีของอื่นเข้ามาประกอบทำให้
ความยึดถือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรามีเพียงอย่างเดียวก็ยึดถือน้อย ถ้ามีมากความยึดถือมันก็มากขึ้น
ตลอดเวลา
ปัญญานันทภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก
#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน