พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม พระปริยัติธรรมตามที่เรารู้ และเข้าใจกันอยู่ในบัดนี้นั้น
ย่อมหมายถึงการเรียนพระคัมภีร์ทั้งมวลอันเรียกว่า พระไตรปิฎก ในที่นี้ท่านทั้งหลายซึ่งเป็น
พุทธบริษัทจะมีสักกี่คนที่จะสามารถท่องเที่ยวไปในพระไตรปิฎกให้ทั่วถึง และในส่วน
พระปฏิบัติธรรมนั้นเล่าจะมีสักกี่คนที่จะสามารถปลีกตนออกประพฤติพรหมจรรย์บำเพ็ญตบะ
กรรมฐานของบรรพชิตโดยเคร่งครัด ถ้าหากว่าพุทธธรรมเป็นสิ่งที่จะเข้าถึงได้เฉพาะแต่
โดยการผ่านพระไตรปิฎกอย่างทั่วถึง และโดยการบำเพ็ญกรรมฐานในสถานที่อันวิเวก
อย่างเคร่งครัดแล้ว การก็อาจกลายเป็นว่า ธรรมนี้เป็นของเหมาะสำหรับบุคคลเพียง ๒-๓ คน
หรือไม่กี่คนเท่านั้น แต่เพราะเหตุที่พุทธธรรมเป็นสิ่งที่มีอานุภาพอันกว้างขวาง สามารถเป็น
ประโยชน์แก่คนทั่วไปไม่เลือกหน้า ข้าพเจ้าจึงได้กล่าวว่าความมุ่งหมายส่วนใหญ่ของ
พุทธธรรม หมายถึง "ญาณ" กับ "ศานติ" หรือสิ่งๆ หนึ่งซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบ
ทั้งนี้เพราะว่าคนเราอาจลุถึง “สิ่ง” สิ่งนี้ได้ โดยไม่ต้องผ่านทางพระไตรปิฎกหรือทางการ
บำเพ็ญตบะอันเคร่งครัดอย่างเดียว ดังจะได้ยกอุปมาด้วยเรื่องการ แสวงหาผลอย่างโลกๆ
|
คนเราตามธรรมดาทั่วไปปรารถนาทรัพย์ยศและการ สมาคมหรือมิตรภาพอันกว้างขวาง ถ้าหากว่าเราได้ ทรัพย์หรือสิ่งที่จำปรารถนานั้นๆ มาแล้ว บุคคลนั้นจะ เป็นผู้ผ่านการศึกษาได้รับปริญญาเป็นบัณฑิต หรือไม่ ก็ตาม จะมีลักษณะและการกระทำอันเข้มแข็งเป็นมหา บุรุษหรือไม่ก็ตามข้อนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญอันใดแล้ว เพราะว่าวัตถุประสงค์นั้น ๆ เขาได้ลุถึงแล้วและสิ่งทั้ง สามนั้นมิใช่จะจำกัดว่ามีได้เฉพาะท่านผู้ถือปริญญา รอบรู้ศาสตร์ หรือเข้มแข็งเป็นมหาบุรุษเท่านั้นก็หาไม่ โดยทำนองเดียวกันนี้ พุทธธรรมก็เป็นสิ่งที่สาธารณะ ทั่วไปแก่ทุกคน |
ญาณคือ ความรู้ชนิดที่ทำผู้รู้ให้หมดความทะเยอทะยานในโลก อาจเกิดได้แม้แก่ผู้ที่ได้
ชิมโลกมาจนเบื่อ เหนื่อยหน่ายที่จะเสพคบกับอารมณ์นานาชนิดอีกต่อไปโดยที่ผู้นั้นไม่ต้อง
ผ่านพระไตรปิฎกและการฝึกบทเรียนในทางจิตอันเคร่งเครียดก็ได้ ดังที่เราเรียกพระอรหันต์
ประเภทนี้ว่า พระอรหันต์ผู้สุกขวิปัสสก คือ เห็นแจ้ง อย่างแห้งแล้ง ไม่รอบรู้แตกฉานเหมือน
พระอรหันต์ประเภทอื่นก็จริงแต่ ท่านก็หมดกิเลสบริสุทธิ์และเป็นสุขโดยสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน
ความสงบหรือ ความปลอดจากทุกข์ทั้งมวลได้มีแก่ท่านแล้ว ซึ่งเราเรียกว่าศานติ เมื่อมีทั้ง
ญาณและศานติเช่นนี้ก็ชื่อว่าท่านได้เข้าถึงพุทธธรรมแล้ว กิจของชีวิตที่จะต้องขวนขวายให้
สูงขึ้นไปอีกย่อมไม่มีอีกต่อไป ท่านเข้าถึงพุทธธรรมได้ โดยไม่ต้องผ่านทางพระไตรปิฎกและ
การบำเพ็ญตบะกรรมฐานอันเคร่งครัด ได้ด้วยอาการอย่างนี้ เราควรจะระลึกไว้สืบไปว่า การที่
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงค้นหาพุทธ ธรรมนั้นมิใช่เพื่อพระองค์เองโดยส่วนเดียว แต่ได้เป็น
ด้วยอำนาจพระกรุณา ค้นเพื่อประโยชน์แก่ปวงสัตว์ในสากลด้วย สิ่งซึ่งพระองค์ทรงค้นได้มา
จึง เป็นสิ่งที่สาธารณะแก่ปวงสัตว์เหล่านั้นด้วย พุทธธรรมหรือสิ่งที่พระองค์ ทรงค้นพบ เป็น
สิ่งที่สาธารณะแก่ทุกคน และมีอยู่ทั่วไป พร้อมที่จะสัมผัส กับคนทุกคนอยู่ทุกเมื่อ แต่เมื่อคน
เรามองไม่เห็น การก็เป็นราวกะว่าเป็นของที่เร้นลับจนสุดวิสัย
พุทธทาสภิกขุ