Dhamma together:เรื่องสวด กับ เรื่องสอน มันสำคัญอยู่ที่เรื่องสอน ....

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา มาฝึกกับพวกเราสิ


เรื่องสวด กับ เรื่องสอน มันสำคัญอยู่ที่เรื่องสอน

ไม่ใช่สำคัญที่เรื่องสวด... เช่นโยมไปฟังพระ

สวดมนต์นี่ ไม่รู้ว่าท่านสวดว่าอะไร หรือไปฟังเพราะ

สวดศพก็ไม่รู้ว่าท่านสวดเรื่องอะไร เราเพียงสักนั่งฟัง

ไปตามประเพณี เป็นพิธีเท่านั้น นี่คือการสวด

แต่การสอนนั้นคือการพูดชี้แจง แสดงเหตุผลในเรื่อง

เกี่ยวกับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ให้คนที่มานั้น

ได้เกิดความรู้ความเข้าใจ ถ้ามีการสอนมากศาสนาก็

แพร่หลาย แต่ถ้าสวดมากศาสนาคงเดิม คือ ไม่ได้

ก้าวไปข้างหน้า ไม่ได้ทำตนให้เกิดความรู้ความเข้าใจ


ในสมัยนี้ถ้ายังสวดกันอยู่มากๆ จะไปไม่รอด แต่ถ้าเราสอนกันให้มากจะดีขึ้น...ญาติโยมจะ

ทำอะไรก็ควรจะมุ่งไปในการสอน ในการเผยแผ่ธรรมะ อย่ามุ่งเอาแต่เรื่องการสวดกันท่าเดียว

เพราะว่ามันจะกลายเป็นพิธีรีตองไปหมด ไม่ใช่เนื้อแท้ของธรรมะ หรือไม่ใช่เนื้อแท้ของพระ

ศาสนา ที่เราทั้งหลายควรจะเข้าถึงกัน สมมุติว่าเราจะนิมนต์พระไปที่บ้าน เรานัดญาตินัดโยม

มาประชุมกัน เช่นในครอบครัวเรา วันไหนเรานึกขึ้นได้ถึงพ่อแม่ ปู่ ตา ย่า ยาย อยากจะ

ทำบุญอุทิศให้ท่านเสียหน่อย เราก็นัดญาติทุกคนมาประชุมพร้อมกัน เมื่อประชุมพร้อมกัน

แล้วเราก็นิมนต์พระไปแสดงธรรม ให้คนที่มาประชุมกันฟัง ปรารภเหตุถึงการสิ้นบุญของพ่อ

แม่ คนที่มาทุกคนก็จะได้ลืมหูลืมตาเพราะได้ฟังธรรมะ ได้เกิดความรู้ความเข้าใจในคำสอน

ของพระพุทธเจ้า แล้วก็จะได้เตือนให้สำนึกว่า เราทุกคนเป็นสมาชิกของตระกูลนี้ ของ

ครอบครัวนี้ พ่อแม่ปู่ตาย่ายายท่านตายไปแล้ว ท่านได้ทำอะไรๆ ไว้ให้พวกเราทั้งหลายได้กิน

อยู่อาศัย สะดวกสบายอยู่ เราก็ควรจะสำนึกถึงคุณของคนเหล่านั้น แล้วควรจะสำนึกถึง

ความงามความดี ที่บรรพบุรุษของเราเคยกระทำมา ให้เดินตามทางที่บรรพบุรุษเคยเดิน

ถ้าเรานิมนต์พระไปทำอย่างนั้นทุกคนก็จะได้รับความสำนึกในหน้าที่ ในการงาน อันตนจะพึง

ปฏิบัติต่อสิ่งที่ตนเป็นหน้าที่ของตน อันนี้มันก็ดีขึ้น แต่ถ้าเรานิมนต์พระไปสวดมนต์ บังสุกุล

ฉันเสร็จแล้วท่านก็กลับวัด อาตมามองๆดูแล้วไม่ค่อยจะได้อะไรเท่าไหร่ แต่ได้ความอิ่มใจ

นิดหน่อย

ปัญญานันทภิกขุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language