พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
การมีสตินั้นย่อมหมายถึง "มีสติในอะไรบางอย่าง"เสมอ เช่นเดียวกับ การโกรธที่ย่อมจะต้องหมายถึง "โกรธอะไรบางอย่าง" เมื่อเธอดื่มน้ำ และรู้ตัวว่ากำลังดื่มน้ำอยู่ นั่นหมายความว่าเธอมีสติในการดื่มน้ำ ในกรณีนี้ เราจะสร้างสติระลึกรู้ในความโกรธ " เมื่อฉันหายใจเข้า ฉันรู้ว่าตนเองกำลังโกรธ เมื่อฉันหายใจออก ฉันรู้ว่ามีความโกรธอยู่ ในตัวฉัน" ในตอนแรก พลังแห่งความโกรธจะพุ่งขึ้น และจะตามมา ด้วยพลังแห่งสติ พลังแห่งสตินี้จะโอบกอดพลังแห่งความโกรธเอาไว้ แล้วปลอบประโลมมันจนกระทั่งมันสงบลง |
เราจะไม่สร้างสติขึ้นมาเพื่อขับไล่หรือต่อกรกับความโกรธ แต่เราจะดูแลมันอย่างดี วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่มีการ
แบ่งแยกสองขั้ว เพราะวิธีนี้ถือว่าทั้งสติและความโกรธต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวเราทั้งสิ้น
มีพลังหนึ่งโอบกอดอีกพลังหนึ่ง ขอเธออย่าได้โกรธเคืองความโกรธของเธอเลย
อย่าพยายามขับไล่ไสส่งมันหรือกดทับมันเอาไว้ ทว่าให้รับรู้ว่ามันก่อตัวขึ้น แล้วจงดูแลมัน
เมื่อท้องไส้ของเธอเริ่มปั่นป่วน อย่าไปโกรธมัน ขอให้เธอดูแลมันให้ดี
เหมือนแม่ที่ได้ยินลูกร้องไห้ ย่อมละมือจากสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่เพื่ออุ้มลูกขึ้นมาแล้วปลอบโยน
จากนั้นแม่จะดูว่าลูกร้องไห้เพราะสาเหตุใด ดูว่าเป็นเพราะลูกไม่สบายกายหรือไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า
จงเฝ้าดูความโกรธของเธอเหมือนกำลังเฝ้าดูลูกน้อย อย่าปฎิเสธหรือเกลียดชังมัน
การปฎิบัติภาวนามิได้หมายความว่าเธอจะต้องออกไปทำสงครามต่อสู้กับข้าศึกอีกฝ่ายหนึ่ง
การระลึกรู้ลมหายใจจะช่วยผ่อนคลายให้ความโกรธสงบลง และสติก็จะเข้ามาแทรกแทนที่
เพียงชั่ว ๑๕ นาที ที่เราเปิดเครื่องทำความร้อน ไออุ่นก็จะไหลไปทั่วห้องที่เย็นเยือก
จากนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เธอไม่จำเป็นต้องกำจัดหรือสะกดกลั้นอะไรเลย
ไม่แม้กระทั่งความโกรธ เพราะความโกรธเป็นเพียงพลังประเภทหนึ่งเท่านั้น
และพลังทั้งหลายย่อมแปรเปลี่ยนไปได้
การปฎิบัติภาวนาคือศิลปะในการให้พลังอย่างหนึ่งเข้าไปแปรเปลี่ยนพลังอีกอย่างหนึ่ง
ทันทีที่แม่กอดลูกเอาไว้ ลูกจะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความรักที่ปลอบโยนและลูกจะเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย
แม้สาเหตุที่ทำให้ลูกไม่สบายยังคงมีอยู่ แต่การที่ได้อยู่ในอ้อมกอดแห่งสติก็เพียงพอแล้วที่จะช่วย
ให้ผ่อนคลายลงได้บ้าง
ท่านติช นัท ฮันห์ จากหนังสือ คำสอน ว่าด้วยรัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น