Dhamma together:ความลืมตัว

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ชายผู้หนึ่งไปซื้อของที่ตลาดคลองเตย เห็นแผงมะม่วงเรียงติด ๆ กันหลายแผง เขาจึงเดินดู

และสอบถามราคาตั้งแต่แผงแรกไปจนถึงแผงสุดท้าย จากนั้นก็กลับมาที่แผงแรก และเลือก

มะม่วงมาได้จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อจะจ่ายเงิน พ่อค้ากลับพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ไปดูร้านอื่น

แบบนี้ อั๊วไม่ขายให้แล้ว” พ่อค้าไม่พอใจที่เห็นชายผู้นั้นเดินผ่านแผงของเขาทีแรก ไปสนใจ

แผงอื่น ความรู้สึกว่า “ตัวกู” ถูกกระทบเพราะไม่ได้รับความสนใจ ทำให้รู้สึกขุ่นเคืองชายผู้นั้น

จึงตอบโต้ด้วยการไม่ยอมขายมะม่วงให้ พ่อค้าคงรู้สึกสะใจที่ชายผู้นั้นไม่ได้มะม่วงอย่างที่

ต้องการ เขาอาจรู้สึกว่า “กูชนะ” แล้ว แต่ถ้าถามว่าพ่อค้าผู้นี้ฉลาดหรือโง่ คำตอบย่อมชัดเจน

อยู่แล้ว ธรรมดาพ่อค้าควรดีใจที่มีลูกค้ามาซื้อของ เพราะนั่นคือรายได้ที่จะตามมา จะว่าไป

แล้วเขามาเป็นพ่อค้าก็เพราะเหตุนี้ การปฏิเสธลูกค้าย่อมไม่เป็นผลดีแก่ตัวเขาเอง แต่อะไร

ทำให้เขาทำเช่นนั้น คำตอบก็คือ ความลืมตัว พ่อค้าลืมตัวเพราะถูกความขุ่นเคืองครอบงำ

จิตใจ จึงคิดแต่จะตอบโต้หรือเอาชนะผู้อื่น จนลืมไปว่าผลเสียจะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไรบ้าง

มะม่วงของเขาแม้จะดี หอมหวาน แถมราคาถูก แต่หากเขาลืมตัวแบบนี้บ่อย ๆ เพราะปล่อย

ให้ความหงุดหงิดขุ่นเคืองเกิดขึ้นเป็นประจำ ก็หวังความเจริญในอาชีพนี้ได้ยาก



คนเราไม่ว่าฉลาดหรือเก่งเพียงใดก็ตาม หากลืมตัว

เสียแล้ว ก็สามารถทำสิ่งที่เป็นโทษแก่ตัวเองได้

ทั้งนั้น นักธุรกิจต้องการเสนอขายผลิตภัณฑ์ลูกค้า

แต่เมื่อถูกลูกค้าวิจารณ์ ก็โกรธ ห้ามใจไม่อยู่

ใช้ถ้อยคำรุนแรงตอบโต้ลูกค้า ผลก็คือเสียลูกค้า


ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เขาควรทำคือตั้งสติ ไม่ปล่อยให้

ความโกรธครอบงำใจ พยายามโน้มน้าวลูกค้าให้

เห็นข้อดีของผลิตภัณฑ์ หรือใช้เหตุผลหักล้าง

คำวิจารณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม นอกจาก

ความรู้ ความสามารถ เงินทุน เครือข่าย และโอกาส

อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ สติหรือความรู้ตัว ถึงแม้จะ

ประสบความสำเร็จในการงาน เป็นซีอีโอ ศาสตราจารย์

ดาราดัง แต่หากขาดสติ จนลืมตัว แม้เพียงชั่วขณะ

ชีวิตก็อาจดำดิ่ง ประสบหายนะได้ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ

ชักนำให้ทำสิ่งเลวร้าย จนต้องติดคุกติดตะราง แม้แต่

การทำบุญ หากไม่มีสติ ก็อาจลืมตัวทำบาปก็ได้


หญิงผู้หนึ่งไปทำบุญที่วัดใหญ่แห่งหนึ่ง วันนั้นมีคนเยอะมาก ต้องต่อแถวยาวกว่าจะได้ไปบูชา

สักการะพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ จู่ ๆ ก็มีชายผู้หนึ่งแซงเธอต่อหน้าต่อตา เธอไม่พอใจ

จึงต่อว่าชายผู้นั้น ผลก็คือเกิดการทะเลาะกัน ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงทั้งสองฝ่าย วันนั้น

แทนที่เธอจะได้บุญ กลับได้บาป เพราะจิตใจขุ่นมัว มีแต่ความเคืองแค้นและหมองหม่น

เมื่อใดที่ลืมตัว ก็ลืมผิดชอบชั่วดี จึงทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อความโกรธเข้ามา

ครอบงำจิตใจ ลูกสามารถกราดเกรี้ยวกับพ่อแม่เพราะดื้อไม่ทำตามคำแนะนำ ส่วนสามีก็

สามารถทำร้ายภรรยาเพราะถูกต่อว่า



ทุกวันนี้เราเห็นความลืมตัวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในสื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ค ความลืมตัวเพราะโกรธ

ชั่ววูบ ทำให้ดารา นักร้อง คนดัง หลายคนเขียน

ข้อความรุนแรง ที่ทำให้ต้องเสียใจในภายหลัง บางคน

อนาคตดับวูบเพียงเพราะข้อความไม่กี่ประโยคที่ระบาย

ออกมา หลายคนไม่ตระหนักว่าอันตรายนั้นอยู่ที่ปลายนิ้ว

ของตน นั่นคือโทรศัพท์มือถือ ทันทีที่ขาดสติ ลืมตัว

เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ข้อความที่พรั่งพรูผ่านปลายนิ้ว

ไปปรากฏในสื่อโซเชียล กลับกลายเป็นหอกกลับมาทิ่ม

แทงตัวเอง บางคนทนไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตาย โลกยุคนี้

ความลืมตัวคือสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรอื่น

"พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล"

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language