Dhamma together:กิริยานั้นทำคราวหนึ่งๆ ก็แล้วไปเสร็จไป เลิกไป แต่ว่า กรรมที่เป็นส่วนดีส่วนชั่วนั้น ยังติดอยู่ยังเหลืออยู่

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...









อันความดีที่เป็น "บารมี" นี้ก็ตรงกับความชั่วที่เป็น "อาสวะ" 

อันคำว่าอาสวะและบารมีนี้คู่กัน ดังจะพึงกล่าวเป็นคำไทยง่ายๆ 

ว่าบารมีนั้นคือเก็บดี อาสวะคือเก็บชั่ว กรรมที่ทุกคนกระทำอยู่ 

เป็นกรรมดีก็ตาม เป็นกรรมชั่วก็ตาม ทางกาย ทางวาจา ทางใจ 

เมื่อกระทำแล้วคราวหนึ่งๆ กิริยาที่ทำนั้นก็ล่วงไป เสร็จไป แล้วไป 

แต่ว่ายังเก็บความดีความชั่วอันเนื่องมาจากกรรมที่กระทำนั้นไว้อยู่ 

ถ้าเป็นส่วนชั่วก็เป็นอาสวะ เก็บชั่วเอาไว้ ถ้าเป็นความดีก็เป็นบารมี  เก็บดีเอาไว้ หากประกอบกรรม

ที่ชั่วอยู่บ่อยๆ ก็เก็บชั่วเอาไว้มาก เพิ่มพูนขึ้น ถ้ากระทำกรรมที่ดีไว้บ่อยๆ ไว้มาก ก็เก็บดีเอาไว้มาก ก็เป็น

บารมีเพิ่มพูนขึ้น  เพราะฉะนั้น อาสวะและบารมีนี้จึงเป็นส่วนที่ยังเหลืออยู่ ไม่เสร็จไปๆ เหมือนดังกิริยาที่

กระทำที่เสร็จไปแล้วไปเลิกไป เป็นคราวๆ และคำว่าบารมีหรืออาสวะนี้ ที่เป็นเก็บดีหรือเก็บชั่วดังกล่าว 

ก็เรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากรรมได้เหมือนกัน เพราะกิริยานั้นทำคราวหนึ่งๆ ก็แล้วไปเสร็จไป เลิกไป แต่ว่า

กรรมที่เป็นส่วนดีส่วนชั่วนั้น ยังติดอยู่ยังเหลืออยู่ เพราะฉะนั้นจึงได้มีพระพุทธภาษิตแสดงไว้ว่า สัตว์ที่

จะต้องตายถือเอาบาปบุญที่กระทำไว้แล้วไป อันบาปบุญที่กล่าวนี้ก็หมายถึงกรรมนั้นเอง กรรมที่เป็นบาป

เป็นบุญที่ได้กระทำไว้แล้ว ..ไป เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่ากรรมได้อีกชื่อหนึ่งซึ่งเป็นคำที่เรียกกันทั่วๆ ไป 

และอาจจะแยกส่วนดีเป็นบารมี ส่วนชั่วเป็นอาสวะ 

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก  
https://sites.google.com/site/smartdhamma/barmi-laea-xa-swa

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language