Dhamma together:ทำความใหม่ให้เกิดขึ้น....ตลอดเวลา....อยู่เสมอ....

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...









ถ้าเรามีความรู้สึกหดหู่ ใจคอไม่สบาย จิตใจว้าเหว่หงอยเหงา ก็เป็น

ลักษณะของจิตใจที่เก่า ถ้าเป็น จิตใจที่สดชื่น เบิกบานผ่องใส 

อันนี้ก็คือจิตใจที่ใหม่ ถ้ารู้หลักนี้แล้ว เราก็ทำความใหม่ให้เกิดขึ้นได้

เสมอ คือทำใจของเราให้ใหม่อยู่เสมอ เพราะฉะนั้น สิ่งทั้งหลายจะ

เก่าก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก ถ้าเรารู้จักทำใจ ของเราให้ใหม่อยู่เสมอ 

แม้แต่การที่เรามากำหนดกันว่า ให้มีปีใหม่ ทั้งๆที่วัน เดือน ปี 

ก็หมุนเวียนอยู่ ธรรมดาอย่างนั้น มันก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งของ

ชาวโลก ที่จะทำจิตใจของตนให้เบิกบานผ่องใส มีความ ร่าเริง 

 

เมื่อมองลึกลงไปก็จะเห็นว่า ที่ชาวโลกเขามีความเบิกบานผ่องใสสดชื่นนั้น เป็นด้วยอะไร ก็เป็น 

ด้วยจิตใจของเขานี่เอง ไม่ใช่เป็นเพราะวันเก่าวันใหม่อะไรจริงเลย  จิตใจใหม่สดใส เพราะมี

ธรรมค้ำชู อยู่ข้างใน ความใหม่ที่เป็นของประณีตก็คือ เวลาขึ้นปีใหม่ ซึ่งเป็นวันที่เรากำหนดกันว่า 

เป็นสิริมงคลนั้น คนมาแสดงความรักความปรารถนาดีต่อกัน มีไมตรีจิตมิตรภาพ อย่างพ่อแม่ก็

แสดงเมตตาต่อลูก คนทั้งหลายก็ไปแสดงความเคารพนับถือกัน ส่งความสุขให้แก่กันในปีใหม่ 

ส่งบัตรอวยพร แสดงความปรารถนาดี คนที่รับก็มีความสุขสดชื่นขึ้นมาจากไมตรีจิตมิตรภาพ

ความปรารถนาดีของผู้อื่น

ทั้งหมดนี้แสดงว่า

ความใหม่ที่มีผลต่อจิตใจอย่างแท้จริง ก็เป็นเรื่องของธรรมะนั่นเอง ความรักความปรารถนาดีต่อกัน

หรือไมตรีจิตมิตรภาพนั้นเป็นธรรมอย่างหนึ่ง ธรรมะทำให้จิตใจสดชื่นเบิกบานผ่องใส แล้ว

ความใหม่ก็เกิดขึ้นผู้ที่รู้เข้าใจอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ต้องรอวันเวลาที่เป็นเรื่องสมมติในทางโลกมาช่วย

ให้เกิดความใหม่ แต่สามารถเอาธรรมะมาใช้ทำจิตใจของตนให้ใหม่ได้เสมอไปตลอดกาล เมื่อรู้

หลักอย่างนี้แล้ว ก็ปฏิบัติธรรมเช่น เมตตา(ความรักความปรารถนาดี) ศรัทธา(ความเชื่อ

ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย) ธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในจิตใจเมื่อไร ก็มีความสดชื่นเบิกบานเมื่อนั้น 

แล้วก็จะมีความใหม่อยู่เสมอ  ใหม่แท้คือธรรม ที่พ้นเก่าพ้นใหม่ เป็นอมตะที่ใหม่แท้ตลอดไป 

ธรรมะที่ว่าใหม่อยู่เสมอนั้น ว่าที่จริงแล้วคือไม่ขึ้นต่อกาลเวลานั่นเอง ความจริงนั้นธรรมะไม่มีเก่า

ไม่มีใหม่ เป็นของที่คงอยู่อย่างเดิมตลอดเวลา มีพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า

ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา ราชรถที่ตกแต่งประดับประดาอย่างดี ก็ยังมีวันเก่าคร่ำคร่าไป

แต่ สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ ธรรมะของสัตบุรุษทั้งหลายไม่แก่ชราเลย ธรรมะคือหลักความจริง

ความจริงเป็นสิ่งคงที่ เป็นสิ่งที่ไม่ตาย ไม่รู้จักเก่า และเมื่อไม่เก่า ก็ไม่ใหม่ด้วย เป็นความจริงอยู่

อย่างนั้น ความดีงามก็เช่นเดียวกัน เราประพฤติเมื่อใด ก็เป็นความดีงามเมื่อนั้น เพราะฉะนั้น 

ธรรมะนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีเก่า-ไม่มีใหม่ เป็นความจริงที่ดำรงอยู่ตลอดไป เราทั้งหลายที่ต้องการให้ตน

พ้นจากการครอบงำของกาลเวลาที่ว่าจะเก่าจะใหม่นั้น ก็นำเอาธรรมะเข้ามาไว้ในจิตใจของตน 

ประพฤติปฏิบัติตามธรรมะแล้ว ก็จะไม่มีความใหม่ความเก่า แต่จะกลายเป็นอมตะ กลายเป็น

ไม่ตาย  ชีวิตของเราก็จะไม่ตาย ด้วยรู้เท่าทัน สิ่งทั้งหลาย เหมือนคนที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่มี

ความเก่าไม่มีความใหม่ กาลเวลาไม่สามารถครอบงำ จิตใจของเขาได้ จิตใจของเขาเป็นอิสระ

หลุดพ้น เพราะปราศจากกิเลส เพราะปราศจากความครอบงำของกาลเวลา ดังที่กล่าวมาแล้ว 

เพราะฉะนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย สามารถถือเอาประโยชน์จากเรื่องความเก่าความใหม่ของ

กาลเวลาได้ ทั้งในแง่ที่ว่า 

หนึ่ง ทำตัวเองให้เป็นคนใหม่อยู่ตลอดเวลา ด้วยการมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสเบิกบาน

 สอง ทำชีวิตของตนให้เป็นอมตะ เป็นชีวิตที่ไม่ตาย ด้วยการเอาธรรมะที่เป็นสิ่งอันไม่ตาย 

ที่ไม่ขึ้นต่อกาลเวลานั้น เข้ามาไว้ในจิตใจและการประพฤติปฏิบัติของตน

คุณของพระธรรมอย่างหนึ่งนั้น ท่านระบุว่า “อกาลิโก” แปลว่าไม่ขึ้นต่อกาลเวลากล่าว คือ 

ธรรมะไม่ว่าจะประพฤติเวลาใดก็ตาม ก็เกิดผลดีเวลานั้น เมตตาธรรม ความรักความปรารถนาดี 

เรานำเข้ามาใส่ไว้ในใจเวลาใด เวลานั้นจิตใจของเราก็สดชื่นเบิกบาน เป็นจิตใจที่ดีงาม ศรัทธา 

เราปลูกฝังขึ้นไว้ในใจ นึกถึงพระพุทธเจ้านึกถึงพระรัตนตรัย นึกถึงบุญกุศลขึ้นมาเวลาใด จิตใจ

ของเราก็ผ่องใสมีพลังขึ้นมาในเวลานั้น สติ เกิดขึ้นในใจเวลาใด ใจของเราก็มีหลัก สามารถยั้ง

หยุดจากความชั่วร้ายทั้งหลายได้ และหันไปหยิบยกเอาสิ่งที่ีงามขึ้นมาคิดมาทำ ปัญญา 

เกิดขึ้นในใจเวลาใด เวลานั้นจิตใจของเราก็สว่างโล่ง รู้เห็น เข้าใจเท่าทัน สิ่งทั้งหลาย

ตามความเป็นจริง รู้ทิศรู้ทางที่จะเดินหน้าไป เพราะฉะนั้น ธรรมะจึงเป็นอกาลิโก แปลว่าไม่ขึ้นต่อ

กาลเวลา และก็ทำให้เป็นอมตะด้วย นี่คือหลักที่จะทำให้พุทธศาสนิกชนได้ประโยชน์จากเรื่อง

กาลเวลาและความเก่าใหม่นั้น

พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) (เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของหนังสือเรื่องกาลเวลา)

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language