Dhamma together:ปฏิบัติในส่วนศีล....

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...









ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางเดิน เป็นมรรคที่พระผู้พระภาคเจ้าชี้ไว้ให้

เราเดิน  เราก็เดินไปตามทาง ๓ ประการนี้ โดยลำดับขั้นไป  คือ 

เริ่มต้นก็เดินในขั้นศีลเสียก่อน เรียกว่า ปฏิบัติในส่วนศีล  แต่ว่า

การปฏิบัติในส่วนศีลนั้นต้องมีปัญญาเป็นพื้นฐาน  ถ้าไม่มีปัญญาเป็น

พื้นฐานศีลก็จะง่อนแง่นคลอนแคลนไป  ปัญญาที่ใช้เป็นพื้นฐานใน

การปฏิบัตินั้นเรียกว่า "ปัญญาตัวเหตุ"  ครั้นถึงที่สุดก็เกิด "ปัญญา

ตัวผล" ซึ่งเรา เรียกว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาตัวหลังนั้นเป็น

ปัญญาตัวผล เกิดขึ้นจากปัญญาตัวเหตุก่อน  ปัญญาตัวเหตุนั้น ก็คือ

ปัญญาตัวที่ใช้ในการพิจารณาศีล

 ให้รู้ว่าศีลคืออะไร เราจะปฏิบัติอย่างไร  ปฏิบัติแล้วจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตจิตใจของเรา การใช้ปัญญา

อย่างนี้เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องกระทำก่อน  ถ้าไม่กระทำอย่างนี้ก็เป็นคนงมงาย ถือศีลไม่รู้จักศีล  ถือศีล

ก็ไม่รู้ประโยชน์ของศีล ถือศีลโดยไม่รู้ว่าถือกันไปทำไม  ก็ถือกันไปตามเรื่อง เวลารับศีลก็รับกันไป  

เวลารับแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ไม่รู้จะรักษามันอย่างไร  แล้วศีลมันจะอยู่กับเราอย่างไร  

ผลที่สุดศีลก็หนีเราไปหาพระผู้ให้เสีย เราก็อยู่อย่างคนไม่มีศีลต่อไป การรับศีลนั้นก็คือ การรับเอาข้อ

ปฏิบัติไป  เพราะการรับศีลก็คือการกล่าวสัญญาแก่ผู้ให้ศีลว่าเราจะเป็นผู้ถือศีล  อย่างนี้จึงจะชื่อว่า

การรับ รับแล้วก็ต้องถือไว้เหมือนกับเราไปรับสิ่งของจากใคร  เขาให้เราก็รับ รับแล้วต้องถือไว้ การถือศีล

นั้นถือไว้ที่ไหน? ก็ถือไว้ที่ "ใจ" ของเรานั่นเอง  ศีลมันอยู่ที่ใจ ใจอย่างใดเป็นตัวศีล?  ใจที่มีความตั้งใจว่า

จะงดเว้นนั่นแหละเป็นตัวศีล  เขาเรียกว่า “เจตนา” พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า 

“เจตนาหํ ภิกฺขเว สีลํ วทามิ”  

แปลว่า 

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนานั่นแหละเป็นตัวศีล” 

ปัญญานันทภิกขุ ‪#‎ศีลธรรมกลับมาเถิด

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language