Dhamma together:ความสุขที่สุขที่สุด....

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...









“คนที่จะมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต

เขาต้องค้นพบความหมายของชีวิต ซึ่งความหมายของชีวิต

ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นความรัก บางคนเป็น

ครอบครัว บางคนเป็นหน้าที่การงาน ในส่วนของการ

ทำงาน เชื่อไหมว่า คนที่ทำงานแล้วมีความสุขที่สุด 

เขาไม่ได้มีความสุขที่สุดเพราะได้ตำแหน่งดี หรือได้เงิน

เยอะ แต่ชีวิตเขามีความสุขที่สุด เพราะเขาได้ทำให้คนอื่นมี

ความสุข

  มีทนายความท่านหนึ่ง เขาทำงานได้เงินเป็นล้าน เขาก็แค่รู้สึกดีใจ แต่เขาไม่ได้มีความสุขที่สุด

เท่ากับการที่เขาได้เป็นทนายความที่ต่อสู้คดีจนทำให้คนที่ได้รับความอยุติธรรมสามารถชนะคดี

ได้ สิ่งนี้ถึงกับทำให้เขาร้องไห้ เพราะเขาได้ช่วยเหลือคนอื่น”

ในส่วนของขุนเขา เขาบอกเล่าว่า เขามีความสุขมากที่สุดที่ได้ช่วยเหลือผู้คนผ่านตัวหนังสือ 

“เคยมีคนบอกผมว่า เมื่อเขาได้อ่านงานเขียนของผม ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็น

หลังมือ ซึ่งเมื่อผมได้รับรู้ ผมก็อิ่มใจไปเป็นเดือนๆ เขาเหล่านี้ทำให้ผมได้รู้ว่า สิ่งนี้นี่แหละ คือ

ความสุข คือความหมาย คือรางวัลที่แท้จริงสำหรับชีวิต”




คนทุกคนในทุกอาชีพมีตรงนี้หมด เพียงแค่หาจุดตรงนี้ให้เจอ แล้วเราจะมีความสุขที่ในทุกๆ วัน

ได้ตื่นขึ้นมาใช้ชีวิต “เวลาเราตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แน่นอนว่า เราต้องเจอตัวเองในกระจก การที่

เราได้เจอตัวเองในกระจก ย่อมหมายถึงการที่เราได้มองเห็นตัวเราเอง ได้รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึก

อย่างไร คิดอะไรอยู่ อยากทำอะไร อยากมีชีวิตในรูปแบบไหน อยากก้าวเดินไปเส้นทางใด เราคือ

สิ่งที่ใกล้ชิดตัวเรามากที่สุด ทว่า ตัวเรากลับกลายเป็นสิ่งที่รู้เกี่ยวกับตัวเองน้อยที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่

น่าเสียดายเหลือเกิน” สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรต้องตระหนัก

ถึง นั่นคือการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ขุนเขาได้ยกตัวอย่างชาวนาคนหนึ่งขึ้นมาว่า ชาวนาคนนี้

ได้ถูกหวย ด้วยความที่เขารวยทางลัด และใช้เงินไม่เป็น ไม่อาจคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ 

สองปีหลังจากนั้น เขาได้ฆ่าตัวตาย เพราะโดนโกง โดนขโมย จนเกิดความเครียด ไม่รู้จะจัดการ

ปัญหานี้อย่างไรดี “นี่ถือเป็นความรวยที่มาเร็วเกินไป และมันก็น่ากลัวกว่าความจนเสียอีก ซึ่งหาก

ชาวนาคนนั้นคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เขาจะรู้ว่า เมื่อเขาถูกหวย เขาจะจัดการเงินที่ได้มาได้

อย่างไร และจะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไรหลังจากนั้น” ขุนเขาเผยว่า การที่เราได้พบเจอ

ความผิดพลาด ไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะชีวิตของเราทุกคนคือการทดลอง และเราก็คือนัก

วิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เป็นเด็กทารก “สังเกตไหมว่าทารกมักชอบกัด ชอบแทะ ชอบทดลองไป

ทั่ว ต้องรู้ต้องลองกับทุกสิ่งให้สุดๆ พอเราโตขึ้นมา ด้วยครอบครัว การศึกษา คำสบประมาท หรือ

อะไรก็แล้วแต่ ทำให้เราเลิกทดลอง ซึ่งการที่เราจะมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต 

เราต้องทดลองให้เยอะ เรียนรู้ให้เยอะ ผิดพลาดให้เยอะ แล้วเราจะมีปัญญาเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรามี

ปัญญา เราก็จะรู้ว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด มันคือการที่เราได้สร้างความสุขและความสำเร็จ

ให้กับตัวเราเอง สร้างได้ด้วยตัวของเราเอง ไม่ใช่ใครหรือสิ่งใดจะมาให้หรือมาสร้างให้กับเรา

อย่าลืมว่า ความสุขเป็นตัวขับเคลื่อนมนุษย์มาโดยตลอด แม้ความสุขจะมีหลายระดับ หรือ

ความละเอียดอ่อนแตกต่างกัน แต่สุดท้าย มันก็เป็นแรงขับเคลื่อนอย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้น 

คนที่จะขับเคลื่อนความสุขให้กับตัวเราได้นั้น สุดท้ายก็คือตัวเราเองอย่างที่ผมได้บอกไป”

กับคนที่ยึดติดกับอะไรบางอย่าง ยึดติดจนไม่ยอมปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลง ขุนเขาเผยว่า สิ่งนี้

เกี่ยวข้องกับสมองที่ไม่อยากเปลี่ยนโดยตรง “เนื่องจากสมองเป็นอุปกรณ์ที่ถูกสร้างมาให้รักษา

พลังงาน สมมติว่า มันเคยเดินจากจุดเอไปยังจุดบี เดินด้วยเส้นทางนี้โดยตลอด วันนี้เดินแบบนี้ 

วันต่อไปก็จะเดินแบบเดิม ที่เป็นแบบนี้เพราะสมองต้องการประหยัดพลังงาน เช่นเดียวกับคนเรา 

เมื่อคุ้นชินกับอะไรบางอย่าง ก็จะทำแบบนั้นอยู่อย่างนั้น ถ้าเกิดเราอยากมีความเจริญ เมื่อเราทำ

อะไรจนคุ้นชินไปสักพัก เราต้องถามตัวเราเองว่า มีทางอื่นอีกมั้ย ถ้าไม่ถาม ตัวเราจะแย่ เพราะ

โลกมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด” ด้วยเหตุนี้ ขุนเขาจึงได้แนะนำว่า เราทุกคนต้องพยายามก้าวออก

จากพื้นที่สบายหรือปลอดภัยหรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่าคอมฟอร์ตโซนอยู่เป็นระยะๆ 

“คอมฟอร์ตโซน มันเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก หากเราใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่สบายหรือปลอดภัยนานเกิน

ไป เราจะคุ้นชิน จนกลายเป็นย่ำอยู่ที่เดิม และอาจเผลอยึดติดความคุ้นชินนั้นไปโดยไม่รู้ตัว 

พอมารู้ตัวอีกที โลกของเราก็แคบลง เราก็จะกลายเป็นกบที่อยู่ในกะลา ที่มองเห็นแค่ฝากะลา

ของตัวเอง ซึ่งฝากะลาใบนั้นมันเล็กลงเรื่อยๆ ด้วยนะ” ขุนเขาได้แนะนำวิธีที่จะเปิดฝากะลาออก

มาดูโลกไว้ว่า เราต้องลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คุ้นชินด้วยปัญญา “เราต้องลองเสี่ยงกับเส้นทาง

ใหม่ๆ อย่างมีปัญญา แล้วเราจะเจออะไรที่สดใหม่น่าสนใจ เมื่อเราคิดจะออกจากคอมฟอร์ตโซน 

ก็ต้องออกมาด้วยปัญญา แล้วเราจะรู้สึกสนุก รู้สึกมีความสุข และมีพลังในการใช้ชีวิต”

นอกจากนี้ อีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยทำให้เราทุกคนสามารถค้นพบความสุข ขุนเขาเผยว่า มันคือ

การได้อยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย “ถามว่าโลกใบนี้ มันสร้างความสุขให้กับเราได้จริงหรือ มีงานวิจัย

ชิ้นหนึ่งเผยว่า สมองของคนที่เล่นโซเชียลมีเดีย มีส่วนคล้ายสมองของคนที่เล่นกาสิโน ในตอนที่

เราโยกสลอตแมชชีนหรือกดปุ่มเพื่อจะได้แจ็กพอตนั้น ถ้าเราได้ เราก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้ เราก็แค่

ลองโยกหรือกดใหม่ ก็เหมือนเวลาเราเล่นโซเชียลมีเดีย ที่เวลาอ่านข้อความของคนอื่น แล้วรู้สึก

เบื่อหน่าย เราก็แค่เลื่อนผ่าน แต่ถ้ามีคนมากดไลค์ข้อความของเรา เราก็ดีใจ ยิ่งคนที่เราแอบชอบ

มากดไลค์หรือมาคอมเมนต์ เรายิ่งดีใจมากเป็นพิเศษ ความสุขความดีใจนี้มันไม่ต่างกับการเล่น

กาสิโน เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ไปโลกโซเชียลมีเดียจะมีอิทธิพลกับเรามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่อง

เลวร้าย มันกลับกลายเป็นเรื่องดี ตรงที่เราสามารถหาความสุขจากโลกใบนี้ได้มากขึ้นอีกหนึ่งช่อง

ทางนั่นเอง” ในฐานะที่เราทุกคนคือมนุษย์ที่ต้องออกจากบ้านไปใช้ชีวิต ต้องพบเจอผู้คน

มากมาย ต้องเจอแรงกระทบหรือแรงกดดันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ชีวิตเรามีบาดแผล

เล็กๆ อยู่ในใจ ขุนเขาเผยเคล็ดลับดีๆ ทิ้งท้ายไว้ว่า เราต้องอยู่กับตัวเองให้บ่อยขึ้น และต้องตั้ง

คำถามกับตัวเองอย่างถูกต้อง “เพียงแค่ 2 คำถามเท่านั้น นั่นคือ 

1.ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้ และ 

2.ทำอย่างไร เราถึงจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ หากเราอกหักผิดหวัง เราต้องถามตัวเราเองว่าทำไมเราถึง

รู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้ เราก็จะได้คำตอบว่า เพราะเรามัวแต่เอาความสุขไปฝากไว้ที่คนอื่น พอเขา

จากไป เราจึงเจ็บปวด ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้ ปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวครอบงำ เพราะอยาก

ครอบครอง อยากยื้อ อยากดึงรั้ง คำถามต่อมา ทำอย่างไรเราถึงจะมีความสุขมากขึ้น เราก็จะได้

คำตอบว่า เราต้องรู้จักคุณค่าของตัวเอง แล้วการจะรู้จักคุณค่าของตัวเอง เราต้องทำอย่างไร 

เราก็จะค้นพบคำตอบว่า เราต้องก้าวข้ามความกลัว ต้องรู้จักทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน พอเรา

ทำได้ ก้าวข้ามความกลัวได้ เราก็จะกล้าหาญมากขึ้น เก่งมากขึ้น เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น 

ใครทิ้งเราไป เราก็จะไม่เจ็บปวดมาก ไม่เสียใจมาก เพราะเรามีทางเลือกเยอะ”

https://www.posttoday.com/life/healthy/407915



ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร... 

แฮปปี้ นิว เยียร์ และตลอดไป

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

สุข สงบ เย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language