Dhamma together:เครื่องทุ่นแรงของจิตใจ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...




เราอย่าหลงผิดเข้าใจผิดไปว่า ความเจริญในด้านวัตถุ

จะเป็นเครื่องช่วยทำให้เราเป็นสุข ความเจริญในด้านวัตถุ

นั้นเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกเท่านั้น ให้เราสะดวกใน

การกิน การใช้ การอยู่ การไป การมา การใช้สอยอะไร

ต่างๆ ดีขึ้นกว่าสมัยก่อน เพราะฉะนั้นการที่เราอาจคิด

ไปว่า เดี๋ยวนี้โลกมันเจริญ มีอะไรต่างๆดีขึ้น มนุษย์เรา

ก็สะดวกสบายดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องหันเข้าหา

ธรรมะ หรือหันเข้าหาพระศาสนา อันเป็นสิ่งที่คนโบราณ

เขาถือกันว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะอะไรๆ มันก็สะดวกอยู่แล้ว

 

นั่นแหละคือการเข้าใจผิด เลยละทิ้งสิ่งที่มีคุณค่าแก่ชีวิตเสีย ไม่ได้เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน

แต่ถ้าเรามาศึกษาธรรมะไว้บ้าง อย่างน้อยๆ ก็พอจะได้เป็นแนวทาง เป็นเครื่องเตือนจิตสะกิด

ใจให้รู้จักใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือ เพื่อปลงความหนักอกหนักใจลงไปทิ้งเสียบ้าง การยกของ

มันต้องมีเครื่องมือ ยิ่งในสมัยนี้ของมันหนักๆ ที่เราใช้ มันต้องมีเครื่องทุ่นแรง เป็นเครื่องมือ

สำหรับที่จะยกจะวาง หรือจะเอาไปตั้งตรงนั้นตรงนี้ ธรรมะก็เป็นเหมือนกับเครื่องทุ่นแรงของ

จิตใจ ทำให้เราเอาไปใช้เป็นเครื่องแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เช่นมีเรื่องหนักใจขึ้นมา

หนักอื่นมันไม่ร้ายเท่ากับหนักใจ หนักข้าวหนักของยกไม่ไหวก็ทิ้งไว้นั่นก็แล้วกัน แต่ว่าของที่

หนักข้างในมันทิ้งไม่ได้ มันต้องแบกไปตลอดเวลา เป็นภาระที่เกาะจับอยู่กับตัวเรา อารมณ์

ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในใจของเราก็เหมือนกัน มันเกาะจับอยู่ในจิตใจของเรา หนักอึ้งอยู่ตลอดเวลา

ถ้าเราไม่มีเครื่องมือสำหรับที่จะปลดมันออก เราก็ต้องเป็นทุกข์เจียนตายได้รับทุกข์ขนาดหนัก

ปัญญานันทภิกขุ

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language