พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ชาวพุทธเราควรจะอยู่ด้วยความไม่เป็นทุกข์ในอะไรๆ ที่เกิดขึ้น ให้ทำใจเป็นสุขอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสิ่งใด จะเกิดขึ้น ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นใน ชีวิตเรา เราก็จะไม่เป็นทุกข์ในเรื่องนั้น เราจะใช้สติปัญญา เป็นเครื่องพิจารณาแล้วรู้จักปลง รู้จักวางในสิ่งนั้น ไม่เข้าไปยึดถือด้วยความโง่ ความเขลา เพราะถ้าเรา เข้าไปยึดถือ ด้วยความโง่ ความเขลา เราก็เป็นทุกข์ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรแม้แต่น้อยกับที่นั่งเป็นทุกข์ แต่เป็นการลงโทษตัวเอง ลงโทษสุขภาพจิต สุขภาพกาย ทำให้จิตเสื่อม ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่เร็ว |
แล้วก็ตายเร็วด้วย เพราะว่ามีความทุกข์มาก มีความกลุ้มใจมาก ตัดทอนสุขภาพทั้งกายทั้งใจ
ไม่เป็นเรื่องดีแม้แต่น้อย ความทุกข์เป็นเหมือนน้ำร้อน เราคิดให้มันเป็นทุกข์ ก็เหมือนเอา
น้ำร้อนมารดตัว ตั้งแต่หัวถึงเท้า ถลอกปอกเปิก เป็นคนดำๆด่างๆไป มันจะได้เรื่องอะไร
เราไม่ควรจะคิดเช่นนั้น เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้คิดว่า ดีแล้ว พอแล้ว หรือ เท่านี้
ก็ดีถมไปแล้ว อย่างนี้ก็สบายใจเช่น คนทำมาค้าขาย เป็นนักธุรกิจ บางคราวมันไม่ได้กำไร
บางคราวมันก็ขาดทุน บางคราวเสมอตัว ถ้าหากว่าจิตใจของเราตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านั้น
พอได้ก็ดีใจ เกิดใจฟูขึ้น พอไม่ได้ก็แทบจะแฟบลงไป ขึ้นแล้วก็ลง ขึ้นลงๆ อย่างนี้
เหมือนกับวานร มันเต้นอยู่ในกรงของมัน ดิ้นรนอยู่ แต่ออกไม่ได้ มันสุขตรงไหน ในการที่
จิตของเรา เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นความสุขอะไรเลย.....
เราจึงควรทำความพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่า ธรรมดามันเป็นเช่นนั้นเอง คำนี้สำคัญมาก
เรียกว่า เป็นคาถาวิเศษสำหรับเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน คือคำว่า ตถตา แปลว่า
มันเป็นเช่นนั้นเอง อะไรๆมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ เราจึงควรคิดว่า เออ.....ธรรมดา
มันเป็นอย่างนั้น เรานึกอย่างนี้ก็พอปลง พอวาง สภาพจิตก็จะรู้เท่าทันในสิ่งๆนั้น ความทุกข์
ก็จะเบาบางลงไป คือไม่หนักอึ๊ง เพราะรู้จักวาง รู้จักพักผ่อนทางใจ ใจก็สบาย.........
หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก
สุข สงบ เย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น