Dhamma together:ความสงสัยในเรื่องของบุญ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ถาม อธิษฐานเสมอ ๆ ว่า เกิดชาติหน้าภพหน้าขอให้ร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทอง มีฐานะ

มีความสุขสบาย อย่างนี้แสดงว่าคนที่ทำบุญนั้นยังมีความโลภอยู่ใช่หรือไม่

ถ้ามีความโลภอยู่ในจิตใจแล้ว อะไรคือบุญกุศลที่จะได้รับหรือควรกระทำอย่างไร

อธิษฐานอย่างไร จึงจะได้บุญที่แท้จริง


ถ้าเราทำอะไรแล้ว ปรารถนาถึงผลของการกระทำ

ตามหลักพุทธศาสนาเราก็เรียกว่าโลภ แต่โลภมันก็มีหลาย

ระดับเหมือนกัน ความต้องการหรือความโลภในลักษณะนี้

ก็เป็นความโลภที่น่ารัก คือ โลภอย่างนี้ดีกว่าโลภอย่างอื่น

แต่ปัญหาหรือความสงสัยเกี่ยวกับบุญนั้น จะเกิดขึ้นเพราะว่า

เรายังไม่รู้ตัวบุญคืออะไร ซึ่งถ้าเราไม่ปฏิบัติ ไม่ภาวนา ไม่มา

มองดูในจิตใจของเราก็ไม่มีทางรู้ได้


แต่หากเราเห็น ความสดใส ความเบิกบานในการทำความดีที่ เกิดจากการ ชนะกิเลส

เรามาสัมผัสตัวนี้แล้ว ความสงสัยในเรื่องของบุญ มันจะจบไปเอง

ซึ่งทฤษฎีของศาสนามันเป็นสัจธรรมที่เราสามารถเห็นได้ว่า ถ้าเราทำอะไรด้วยความหวัง

สภาพจิตก็ต่างกันกับจิตที่เราทำอะไรโดยที่ไม่มีความหวัง ถ้าเราทำความดี โดยไม่หวังอะไร

ตอบแทน จงดูว่าจิตใจของเราเป็นอย่างไร ถ้าเราทำอะไรที่ดีด้วยจิตใจที่มีความหวัง สภาพจิต

มันเป็นอย่างไร อันไหนมันจะสดชื่นกว่ากัน ตัวบุญมันจะอยู่ตรงนี้ ฉะนั้น เรื่องการอธิษฐานจิต

ในขณะที่เราทำบุญ อันนั้นไม่ใช่ว่าใครถูกใครผิด ถ้าเรามีศรัทธาพอที่จะอธิษฐานมรรคผล

นิพพาน อธิษฐานขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุ

มรรคผลนิพพานอันนี้ดีที่สุดเลย แต่ถ้าศรัทธาของเรายังไม่พอ เรายังไม่มีความปรารถนา

อย่างนี้ เราก็อธิษฐานในสิ่งที่เราเห็นว่าเหมาะว่าควรเสียก่อน ซึ่งมันอยู่ที่ระดับการพัฒนาจิตใจ

ของเรา แต่ถ้าเราเริ่มปฏิบัติแล้ว เริ่มจะเข้าถึงความสงบ สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นเป้าหมายของชีวิต

มันก็จะค่อยเปลี่ยนไปเอง คือการเกิดที่สวรรค์นี้ไม่ดีวิเศษ ประเดี๋ยวก็ต้องมาเกิดอีก ก็เป็น

ทัศนะของอาตมา โยมคงเคยสังเกตว่า ถ้าเราทำอะไรๆ ที่มันสนุกๆ ก็รู้ดีกว่า เวลามันผ่านเร็ว

เหลือเกิน แต่ถ้าเราทำอะไรที่น่าเบื่อ เช่น ฟังเทศน์ เป็นต้น บางทีมันดูว่าเวลานั้นยาวมาก

คือ เรื่องเวลาจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกมากกว่าอย่างอื่น เพราะฉะนั้นเราอ่านในคัมภีร์ว่า คนไป

เกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ชั้นอะไรต่ออะไร อยู่เป็นกัปป์เป็นกัลป์ คิดว่ามันนานเหลือเกินแต่ใน

ความรู้สึกของเทวดา อาจจะเดี๋ยวเดียวก็ได้ แล้วก็กลับมาเกิดใหม่

 

ถาม ทุกครั้งที่ทำบุญทำกุศล อธิษฐานว่าตายไปแล้วขอไม่เกิดอีก จะเป็นความโลภหรือไม่

เพราะเท่ากับว่าเราก็ยังมีความอยาก มีตัณหา คือไม่อยากเกิด ควรทำอย่างไรในฐานะปุถุชน

คนธรรมดา

ตอบ อธิษฐานขออย่าให้มีความเห็นแก่ตัว ขออย่าให้มีความโลภ ความโกรธ ความหลง

นี้ก็เป็นการสร้างบารมี ก็เป็นการสร้างสิ่งที่ดี ความอยากอย่างนี้ไม่เป็นไรเหมือนอย่างกับที่พูด

ไปแล้วตอนต้นๆ ว่า อยากทำความดีนี้ก็ไม่ใช่อุปสรรค ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าอยากจะเป็น

คนดีก็จะเป็นทุกข์หน่อย เพราะว่าถ้าเราอยากทำความดีเราก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีปัญหา แต่ถ้า

เราอยากเป็นคนดี หรือถือว่าเราดี แล้วคนอื่นมาใส่ร้ายว่าเราเป็นคนไม่ดี ก็เป็นทุกข์ อันนี้เรา

สร้างตัวตนขึ้นมา ก็เป็นทุกข์ทันที ส่วนการไม่กลับมาเกิดนั้น มันไม่เป็นไปตามคำอธิษฐาน

แต่ปรากฏด้วยความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมของชีวิต ให้เข้าใจว่า การอธิษฐานเป็นการเตือน

สติตัวเองในเป้าหมายอันสูงสุดของตน และยืนยันเจตนารมณ์

ชยสาโรภิกขุ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language