Dhamma together:พลังของการรู้เฉยๆ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

“คิดดีก็ช่าง คิดชั่วก็ช่าง” มีหลายคนมาปรึกษาอาตมาว่าทำยังไงดี เพราะมักจะมีคำพูด

จ้วงจาบพระรัตนตรัยดังขึ้นในใจ บางทีก็จ้วงจาบพ่อแม่ ด่าท่านอย่างรุนแรงในใจ บางคน

สวดมนต์ไปได้สักพักก็มีเสียงตำหนิด่าทอ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เขารู้สึกแย่กับตัวเอง

มาก ว่าทำไมถึงมีความคิดที่ชั่วร้ายแบบนี้ พยายามกดข่มเท่าไรก็ไม่สำเร็จ อาตมาจึงแนะนำ

ไปว่าไม่ต้องทำอะไรกับความคิดหรือเสียงเหล่านั้น แค่รู้ว่ามันมีอยู่ก็พอ ไม่ต้องไปสนใจมัน

อย่าไปคิดกดข่ม อย่าไปทำอะไรกับมัน หากกดข่มมันมันก็ยิ่งได้ใจ รังควานหนักขึ้น คนที่มี

ปัญหาแบบนี้มักคิดว่ามีแต่ตัวเองเท่านั้นที่คิดแบบนี้ จึงรู้สึกว่าตัวเองชั่วร้ายเหลือเกิน แต่ที่จริง

มีคนคิดแบบนี้เยอะมาก เพียงแต่เขาไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะรู้สึกอับอาย พออาตมาเอา

คำถามแบบนี้ขึ้นเฟ๊ซบุ๊ค หลายคนก็เขียนมาเล่าว่า ฉันก็เป็น หนูก็เป็น ผมก็เป็น มีเยอะทีเดียว

แสดงว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องพิเศษพิสดารของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่

เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากทีเดียว


#‎เลิกกดข่ม‬ โดยเฉพาะคนที่ติดดี ยิ่งอยากเป็นคนดี

อยากทำตัวให้เรียบร้อย ความคิดแบบนี้ก็ยิ่งโผล่ออกมา

จะว่ามันเป็นมารที่จะมาชวนให้หลงทางก็ได้ เป็นอุบาย

ของมารที่ไม่อยากให้เราเจริญก้าวหน้าในทางธรรม

หรืออาจจะเป็นเพราะความติดดีทำให้มีความรู้สึกลบต่อ

ความคิดที่ไม่ดี พอมีความคิดไม่ดีเกิดขึ้นในใจก็

พยายามกดข่มมัน ยอมรับไม่ได้ว่าฉันมีความคิดแบบนี้

อยู่ ทั้งที่มันเป็นธรรมดา พอกดข่ม มันก็มีแรงต้าน

อย่าลืมว่าแรงกดเท่ากับแรงสะท้อน


สิ่งที่ต้องทำใน กรณีอย่างนี้ก็คือไม่ทำอะไรเลย ไม่ต้องทำอะไรกับความคิดเหล่านั้น

ปล่อยมันไป ไม่โมโหโกรธามัน ไม่เกลียดมัน และไม่รู้สึกผิดกับตัวเองด้วย แค่รู้เฉย ๆ

มันก็จะค่อย ๆ เลือนหายไป นี่เป็นพลานุภาพของการรู้เฉยๆ รู้โดยที่ไม่ต้องไปทำอะไร

มันสามารถที่จะจัดการกับอารมณ์ หรือความคิดที่เป็นอกุศลได้

‪#‎ฟุ้งซ่านให้รู้‬ อย่าไปดูแคลนการรู้เฉยๆ หรือสักแต่ว่ารู้ รู้โดยไม่ต้องทำอะไร รู้โดยไม่นำพา

อะไร อย่างไรก็ตามเอาเข้าจริงๆ มันเป็นเรื่องยาก อย่างที่พูดตั้งแต่แรก เพราะคนเราทนอยู่

เฉย ๆ ไม่ได้ มันอดไม่ได้ที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง ยิ่งใฝ่ธรรมอยากจะขัดเกลาจิตใจตนเอง

ก็ยิ่งทนไม่ได้กับความคิดแย่ ๆ แบบนี้ รู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่สกปรก เป็นความคิดที่ชั่วร้าย

ต้องจัดการกับมัน พอมีความรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ชั่วร้าย ใจก็เป็นลบกับมันทันที ทำให้

อยากผลักไสกำจัดมัน ทันทีที่ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นก็เป็นทุกข์แล้ว เพราะใจให้ค่าเป็นลบกับ

สิ่งนั้น แต่ถ้าเราวางใจเป็นกลางๆ ถือหลักว่า คิดดีก็ช่าง คิดชั่วก็ช่าง

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ อาจารย์ของอาตมาพูดย้ำเสมอว่า “คิดดีก็ช่าง คิดชั่วก็ช่าง”

อย่าไปทำอะไรมัน แค่เห็นเฉยๆ รู้เฉยๆ หรือถ้ารู้สึกว่า ดูทีไรเห็นทีไรก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไป

พันตูกับมัน ก็ลองไม่ให้ความสนใจมัน เวลามีความฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ก็ให้กลับมารู้กาย

เอากายเป็นฐาน วิธีนี้ก็ช่วยได้ วิธีนี้ไม่ได้มีประโยชน์แต่เฉพาะในเรื่องการภาวนาเท่านั้น

ในชีวิตประจำวันก็ช่วยได้มาก

พระไพศาล วิสาโล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language