พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ความคิดความเชื่อไม่สามารถทำให้สัจธรรม คือความจริงเปลี่ยนไปได้ สัจธรรมมีอยู่อย่างไร ต้องเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนไปตามความคิดความเชื่อ เช่น สัจธรรมมีอยู่ว่า การกระทำทุกอย่างมีผล ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว แม้ผู้มีโมหะจะคิดไปอีกอย่างหนึ่งดังกล่าว แล้วข้างต้น คือ การกระทำทุกอย่างแล้วก็เป็นอันแล้วกันไป หรือทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว สัจธรรมก็จะไม่เปลี่ยนแปลง จักเป็นความจริงแท้อยู่เสมอไป |
เรื่องผลของกรรมหรือการกระทำ
ท่านสอนวิธีไว้ดังนี้ คือ ท่านให้แยกผลของการกระทำแต่ละอย่างออกเป็น ๒ ฝ่าย
คือผลของกรรมฝ่าย ๑ และผลของกิริยาฝ่าย ๑ ผลฝ่ายกิริยาจะปรากฏทันที
เช่น คนลักขโมยของเขา ผลฝ่ายกิริยาจะทำให้ได้ของมาทันที แต่ผลฝ่ายกรรมเกี่ยวแก่กาละจะเห็น
ชัดต้องรอ เช่น คนลักขโมยเขานั่นแหละได้รับผลฝ่ายกิริยาคือได้ข้าวของไปทันทีแล้ว แต่ผลฝ่าย
กรรมเมื่อรอถึงเวลาก็จะได้รับ เช่นรอพอได้คิดก็จะต้องทรมานใจ เพราะกลัวถูกจับ รอต่อไป พอถูก
จับได้ก็จะต้องได้รับโทษเช่นนี้เป็นต้น การฝึกแยกผลของการกระทำเช่นนี้ จะเห็นชัดเจนทั้งผลของ
กิริยาและผลของกรรม เมื่อสามารถเห็นผลทั้งสองชัดเจน โมหะก็จะเบาบางลง จะทำสิ่งใดก็รู้จัก
ยับยั้งไม่ทำที่เป็นการไม่ดี ผลที่ได้รับก็ย่อมเป็นความสุขสงบตามควรแก่การกระทำ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
#inndhamma #อยู่ในธรรม #ทบทวนธรรม
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #คิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก
#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น