พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
อานาปานสติกับธรรมะ 4 เกลอ : สติ ปัญญา สัมปชัญญะ สมาธิ ในการปฏิบัติอานาปานสตินั้น ถ้าสำเร็จแล้ว หรือสำเร็จ ตามสมควร ก็จะเกิดมีธรรมมะขึ้นมามากมายๆ เกิดสติ โดยเฉพาะเกิดสมาธิ เกิดปัญญา นี่เป็นหลักใหญ่ แล้วก็นำไป ใช้ให้เกิดอะไรอีกต่อไปตามลำดับ แล้วแต่ใครจะปรารถนา ดำรงชีวิตอยู่ด้วยธรรมมะเหล่านั้นให้มีความสุขสงบเย็น เป็นนิพพาน นั่นคือจุดมุ่งหมายในที่สุด คือ เรารู้เรื่อง ปฏิจจสมุปบาท แล้วก็ฝึกสติ ฝึกควบคุมกระแส ปฏิจจสมุปบาท... |
เมื่อท่านฝึกอานาปานสติ ท่านเท่ากับฝึกสติโดยตรง สติทั้ง 16 ขั้น หากขั้นตอนคุมสติตาม
แบบทั้ง 16 ขั้นตอนแล้ว มันก็มีความรู้ก่อน รู้ในธรรมมะที่สติออกมากำหนดจนรู้จักธรรมมะ
เหล่านั้น เรียกว่าได้ปัญญา ประสบความสำเร็จในการกำหนดนั้นกำหนดได้จริง เราเรียกว่ามี
สมาธิส่วนธรรมมะอื่นๆ เช่นการอดกลั้นอดทนความสุขุม ประณีต ละเอียดลออ สงบเย็น ไม่ตื่น
เต้นและอีกมากมายท่านก็สังเกตดูเอาเอง
แต่ว่าที่เป็นหลักใหญ่ๆ อยากจะเสนอแนะเป็นพิเศษสัก 4 อย่างก็คือ สติ ปัญญา สัมปชัญญะ
แล้วก็ สมาธิ ไอ้ส่วนที่เป็นความพากเพียร เป็นความพยายามต่อสู้กับตนนั้นเป็นบริวาร
ธรรมมะใหญ่ๆที่เป็นหัวหน้าเป็นประธาน ที่ต้องใช้กันอย่างจริงๆจังๆอย่างน้อยก้อ 4 อย่าง
ทั้ง 4 อย่างนี้มันต้องเกี่ยวข้องกัน มันทำงานร่วมกันเป็นสามัคคี ตามหน้าที่ สิ่งแรกที่เรียกว่า
"สติ" สตินี่คือความระลึกได้ไว ระลึกได้ทันเหตุการณ์ หรือได้เร็วสายฟ้าแลบ เกิดอะไรขึ้น
ก็รู้สึกตัว ระลึกได้เร็ว ว่ามันเป็นอย่างไรความเร็วของสติเท่ากับความเร็วของลูกศร คำว่าสติ
กับคำว่าศรนี่มันคำเดียวกันในภาษาบาลีมีความระลึกเร็วเหมือนกับลูกศร มันระลึกได้ถึงสิ่งที่จะ
แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อไรเกิดขึ้นจะเป็นความทุกข์นี่มันระลึกได้เร็วถึงสิ่งที่จะแก้ปัญหาที่
เฉพาะหน้าในเรื่องนี้ เพราะว่าเราได้ศึกษาไว้มาก เป็นความรู้ เมื่อเก็บไว้เต็มตู้เต็มคลังเรียกว่า
"ปัญญา" เราสังเกตดูว่าปฏิบัติกว่าจะครบอานาปานสติทั้งสี่ขั้นมันมีความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่อง
นู้นมากมาย มีครบทุกอย่าง มันเป็นการศึกษาเอาจากอานาปานสติโดยตรง แต่ว่าความรู้
ทุกอย่างนี้เรียกว่าปัญญา พากเพียรศึกษาอบรมมากเท่าไหร่มันก็มีปัญญามากเท่านั้นแหละ
มันก็เก็บไว้เหมือนกับเก็บไว้ในตู้ในคลังนี่ เก็บอาวุธ พอเกิดเรื่องขึ้นมา สติก็ระลึกได้ทันทีว่า
จะเอาปัญญาข้อไหนมา หรือนึกถึงปัญญาข้อไหน เหมือนกับเราเก็บอาวุธไว้หลายๆอย่าง
พอเกิดเรื่องขึ้นมาที่ต้องใช้อาวุธก้อระลึกได้ทันทีว่าต้องใช้อาวุธอันไหน อาวุธชิ้นไหน
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเอามาทั้งหมดหรอก แต่เอามาเฉพาะที่มันเหมาะสมกับเหตุการณ์
ถ้ามันมาประจำการในหน้าที่เฉพาะ จะทำหน้าที่ละก้อเปลี่ยนชื่อเรียกว่า "สัมปชัญญะ"
สัมปชัญญะก็คำเดียวกับปัญญา สัม แปลว่าพร้อม ปะ แปละว่าช่วย ญะ ก็แปลว่าปัญญา
ปัญญาเฉพาะหน้าเหตุการณ์ ที่เอามาเผชิญกับเหตุการณ์ เพื่อต่อสู้กับปัญหา ทำลายปัญหา
ที่นี้เหลืออยู่ก็คือว่า ปัญญา คือ สัมปชัญญะนั้นน่ะ มีกำลังมากพอหรือหาไม่ ตามธรรมดามันก็
ไม่พอ ก็ต้องใช้ธรรมมะอีกข้อหนึ่งข้อที่สี่คือ "สมาธิ" สมาธิคือกำลังจิตทั้งหมดระดมลงไป
สัมปชัญญะก็ทำหน้าที่ได้สำเร็จ
พุทธทาสภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น