พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
พอพระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว สิ่งที่ ทรงประกาศเปิดเผย แก่มนุษย์เป็นเรื่องแรกก็คือ ปฐมเทศนานี้เอง : พูดเรื่องความทุกข์, เหตุให้เกิดทุกข์, ความดับทุกข์, และทางให้ถึงความดับทุกข์ ซึ่งใคร ๆ ก็ มักจะจำได้ เพราะเคยได้ยิน. ทีนี้ทำไมพระองค์จึงนำมา ตรัสเป็นเรื่องแรก? นี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดดู ทำไมไม่เอาเรื่อง อื่นมาตรัสเป็นเรื่องแรกเล่า? ก็พอจะสันนิษฐาน หรือเดา กันได้ทุกคนว่ามันเป็นเรื่องด่วน เป็นเรื่องรีบด่วนกว่าเรื่อง ใดๆ เพราะว่าสัตว์โลกทั้งหลาย กำลังตกอยู่ในสถานะ เหมือนไฟกำลังไหม้อยู่ที่เนื้อที่ตัว หรือไหม้อยู่ที่ศีรษะ, |
นี่สัตว์ทั้งหลายกำลังตกอยู่ในเพลิงทุกข์ ร้อนรนทนทรมานอยู่ด้วยไฟทุกข์. เรื่องแรกที่สุด
ที่ควรเอามาพูดกับสัตว์เหล่านี้ก็คือเรื่องดับทุกข์ แต่เรื่องดับทุกข์นั้นเมื่อจะพูดให้สมบูรณ์
มันต้องพูดเรื่องความทุกข์ และเหตุให้เกิดทุกข์เสียก่อน แล้วจึงพูดเรื่องความดับทุกข์
และวิถีทางที่จะให้ได้มาซึ่งความดับทุกข์นั้น รวมกันเป็น ๔ หัวข้อเล็ก ๆ,
แต่เมื่อรวมกันเข้าแล้วก็เป็นหัวข้อใหญ่ข้อเดียว คือว่าเรื่องการดับทุกข์ เป็นเรื่องแรก เป็นเรื่อง
ด่วนจี๋ สำหรับชีวิตมนุษย์ จึงนำมาตรัสเป็นเรื่องแรก. ทีนี้เรา พวกเราทั้งหลาย เราศึกษาเรื่อง
อะไรเป็นเรื่องแรก ? นี่ดูมันยังไขว้เขวกันอยู่ เรามักจะได้รับการสั่งสอนเป็นเรื่องแรก ก็คือ
เรื่องพระรัตนตรัย ให้รู้เรื่องพระพุทธ เรื่องพระธรรม เรื่องพระสงฆ์ ไม่รู้ไม่เข้าใจก็ต้องให้ทำ
เป็นอย่างท่าทาง หรือพิธีรีตอง เป็นประเพณีไปก่อน จึงรู้เรื่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เป็นเรื่องแรก โดยที่ไม่ต้องมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง ๆ เป็นแต่เรื่องของความรู้ที่รู้
ด้วยการได้ยินได้ฟัง เลยไม่ได้สำเร็จประโยชน์ในการดับทุกข์ ถ้าจะมีระเบียบ
ขนบธรรมเนียมประเพณีใด ๆ ให้พูดกันถึงเรื่องความทุกข์ และดับทุกข์ก่อน ก็จะดี สำหรับครั้ง
พุทธกาลนั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนใครให้รับไตรสรณาคมน์ นี่เป็นของที่แปลก ถึงกับ
จะเรียกว่าที่เล่นตลกกันอยู่ก็ได้ ครั้งพุทธกาลนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเรียกใครมาให้รับ
ไตรสรณาคมน์ มาสอนพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ เป็นต้น มันไม่มี มันหาไม่
ได้ในพระบาลีทั้งหลาย เรื่องรับสรณาคมน์นั้นมันเป็นเรื่องของคนนั้นเอง เมื่อเขาได้ยินได้
ฟังเรื่องดับทุกข์จนเป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้ง และพอใจแล้ว แล้วก็จะถือเอาระบบนี้เป็นระบบ
ประจำชีวิตเพื่อดับทุกข์ต่อไป ในตอนสุดท้ายเขาจึงประกาศออกมา ว่าข้าพเจ้าขอถือเอา
พระพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรม พร้อมทั้งพระสงฆ์ เป็นสรณะจนตลอดชีวิต เขาว่าเอง
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ว่า #ธรรมะคือหน้าที่ นี่ไม่มีใครเคยรับสรณาคมน์จากพระพุทธเจ้า
หรือจากพระสงฆ์องค์ใด แต่เขารับออกมาจากความพอใจในจิตใจของเขา และประกาศต่อ
พระพักตร์พระพุทธเจ้า ว่าเขาขอถือเอาระบบธรรมะนี้เป็นหลักปฏิบัติสืบต่อไป ทีนี้ ประเพณีนี้
มันจะเกิดขึ้นครั้งไหน ? เมื่อไร ? ก็ยากที่จะกล่าว แต่มันแน่นอนที่สุด ว่ามันได้เกิดขึ้นใน
ตอนหลัง ที่ว่าพอใครจะมีธรรมะ หรือจะนับถือศาสนานี้ แล้วก็เรียกตัวมาทำพิธีปฏิญญา
คล้ายๆ กับขอทำสัญญา ว่าจะนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์. นี่คือข้อที่ปฏิบัติกันอยู่
โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกสำนึกว่า "ธรรมะคือหน้าที่" การที่มันมากลายในสมัยนี้ เป็นว่ามารับถือ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กันก่อนเป็นเรื่องแรก โดยไม่ต้องรู้ว่าความทุกข์คืออะไร นั้นน่ะ
มันฝืน ๆ กันอยู่ คือคนนั้นไม่รู้เหตุผลว่าทำไมจะต้องนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เอาตัวมาให้ปฏิญญาถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันก็คล้ายเป็นเรื่องละเมอเพ้อฝันเสีย
มากกว่า แล้วผลก็เลยได้อย่างละเมอเพ้อฝัน คือดับทุกข์ไม่ได้ หรือไม่ได้ดับทุกข์รวมกัน
นี่เราจะต้องรู้เป็นเรื่องแรก ของการเป็นพุทธบริษัท หรือการที่จะเข้ามาเป็นพุทธบริษัท
เรื่องแรกที่จะต้องรู้และปฏิบัติ ก็คือเรื่องความดับทุกข์
พุทธทาสภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น