Dhamma together:สุขเพราะไม่โกรธใคร

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


ความโกรธที่องค์สมเด็จพระสัมมามัสมพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า โทสัคคี - ไฟคือโทสะ

มันเผาชนวนก่อนเผาสิ่งอื่น แต่ถ้าเราลองพิจารณาไป ก็จะเห็นกองไฟในธรรมชาติของคนใน

หลายรูปแบบ ได้แก่

ความโกรธ เป็นไฟฟอน ไฟกองใหญ่ มีเชื้อพร้อม

ความสนงอน เป็นไฟเย็น

ความพยาบาท เป็นไฟสุมขอน

ความปากบอน เป็นไฟไหม้ฟาง

การถากถาง เป็นไฟเติมเชื้อ

การหูเบาหลงเชื่อ เป็นไฟไหม้ป่า 

เรื่องความโกรธนี่ ต้องมองตนเองว่า ที่เราโกรธนั้น โกรธเพราะอะไร

โกรธเพราะไม่พอใจ

โกรธเพราะไม่ได้ดั่งใจ

โกรธเพราะไม่ได้สมประโยชน์

โกรธเพราะโทษว่าเขาทำต่อเรา

โกรธเพราะเขาเอาประโยชน์ตัว ตัวเราพึงได้ พึงมี

โกรธเพราะเขาดีกว่าเรา

โกรธเพราะหูเบาเชื่อคำยุยง

โกรธเพราะหลงว่าตนเองสำคัญ

โกรธเพราะยึดมั่นในยศศักดิ์

โกรธเพราะคนที่เรารักชักชวนให้โกรธ

ความโกรธ ทั้งหมดที่กล่าวมา เกิดขึ้นกับคนที่ใกล้ตัวเราและคนที่เรารู้จักเกือบทั้งสิ้น

ให้ถามตัวเองว่า แล้วเราจะรู้จักกันเพื่อเป็นศัตรูกันทำไม

ถ้าคิดได้ความสุขอันเกิดจากความไม่โกรธจะมีแก่เรา



ความสุขอันเกิดจากความไม่โกรธใคร 

อันนี้ดูเหมือนทำยาก แต่อันที่จริงไม่ยาก ขอให้เข้าใจ

เพียงสั้นๆว่า  โกรธให้ระงับ อย่าระเบิด และโกรธให้

ระงับแล้วค่อยระบาย ในเรื่องวิธีแก่ความโกรธ มีหลาก

หลายวิธี เช่น ซดน้ำร้อน ดื่มน้ำเย็น น้ำหวาน

ทานของเปรี้ยว เคี๊ยวของขม ดมของหอม หรือ

กระโดดโลดเต้น เล่นดนตรี เขียนกวีนิพนธ์ หาคนรับฟัง

ดูหนังตลก เล่าเรื่องโปกฮา เดินซื้อสินค้าตามชอบใจ

หรือ รู้จักให้อภัย ระวังใจตน อย่าบีบคั้นอารมณ์คนอื่น

ฝืนต่อโทสะ ละความพยายาท อย่าอาฆาตจองเวร

หรือภาวนาแผ่เมตตา

สัพเพ สัตตา: สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น

อะเวรา โหนตุ: จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย

อัพยาปัชฌา โหนตุ: จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียน ซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหนตุ: จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ: จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้น จากทุกข์ภัย ทั้งสิ้นเถิด.

ถ้าทำได้ ความสุขอันเกิดจากความไม่โกรธจะมีแก่เรา

พระราชวิจิตรปฏิญาณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language