Dhamma together:การที่จะศึกษาปฏิบัติพุทธศาสนานี้ จะต้องเรียนอะไรบ้าง

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


เราได้ไปเสียเวลามากมายเกินไปในการกระทำ

อย่างไรบ้าง แล้วเราก็ยังไม่เคย ก็ยังไม่ได้รับผลใน

พระพุทธศาสนาตามที่ควรจะได้รับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเรา

ไปทำผิดเสียบ้าง เราไปเสียเวลาในส่วนที่ไม่ควรจะทำ

เสียบ้าง จึงเกิดผลอย่างนี้ ไม่ได้ประสบผลทันตาเห็น

ในการที่จะดับทุกข์ของตนของตน ถ้าเราพิจารณาดู

อีกสักนิดหนึ่ง ก็จะพบว่าเราไปสนใจในส่วนที่เป็นข้อ

ปลีกย่อย ที่ไม่ใช่หัวใจของพระพุทธศาสนากันเป็น

เสียกันเสียเป็นส่วนมาก


ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราอยากจะเป็นนักปราชญ์มากกว่าที่จะอยากดับความทุกข์ให้หมดสิ้นไป

โดยเร็ว เพราะว่าเราเคยชินจากการที่จะมีหน้ามีตา ว่าเป็นคนมีความรู้มาก เป็นคนผู้เด่น

เป็นคนทำอะไรที่เก่งๆหลายๆอย่าง เราก็ไปสนใจกันแต่ในเรื่องที่เขานิยมกันว่าจะทำให้เป็น

คนเก่ง แล้วเราก็เลยไม่มีโอกาสไม่มีเวลาที่จะไปสนใจในเรื่องอันเกี่ยวกับความดับทุกข์นั้น

โดยตรง มันจึงเสียเวลาไปมาก เพราะเหตุนี้ เมื่อเราจะศึกษาพุทธศาสนา เราก็มีเรื่องราวเป็น

อันมากที่จะต้องศึกษาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ละเรื่องยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำไป เพราะว่า

ต้องทนศึกษาไปอย่างมากมาย จะต้องท่องจะต้องจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้

เข้าใจยากยิ่งขึ้นทุกที ยิ่งขึ้นทุกที ในที่สุดก็ไม่เข้าใจอะไรได้ นี่แหละมีอาการเหมือนกับคนบ้า

หอบฟาง ไม่มีเมล็ดข้าวสักเม็ดเดียวอยู่ในฟางนั้น อย่างนี้ก็มีอยู่เป็นส่วนมาก ถ้ามองไม่ดีก็

ไม่อาจอาจจะไม่เห็น แต่ถ้ามองให้ดีแล้วก็อาจจะเห็นในข้อที่เราทำอะไรได้มากๆ แต่มันก็ไม่มี

ความดับทุกข์รวมอยู่ในนั้น นี้ก็นับว่าเป็นความประมาทอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน จึงต้องระวัง

ให้ดีๆ ถ้าจะตั้งคำถามกันขึ้นว่า การที่จะศึกษาปฏิบัติพุทธศาสนานี้ จะต้องเรียนอะไรบ้าง เราก็

ตอบกันอย่างนั้นอย่างนี้ มีเรื่องที่จะต้องเรียนจะต้องปฏิบัติมากมายเหลือเกิน แต่แท้ที่จริงแล้ว

มันไม่ได้มีอะไรมากมายอย่างนั้น มันควรจะตั้งต้นกันด้วยเรื่องเพียงเรื่องเดียวว่า อย่าไปฟัง

อย่าไปคิด อย่าไปนึกอะไรหมดเลย มาคิดมานึกแต่เรื่องที่ว่าเรามีความทุกข์หรือไม่ แล้วก็ดูว่า

มันมีความทุกข์เพราะเหตุอะไร เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว เรื่องที่จะมีความทุกข์หรือไม่นั้น ดูจะไม่

เป็นปัญหาอะไร เพราะว่ามันก็รู้สึกกันอยู่ชัดๆว่า ยังมีจิตใจที่เร่าร้อนกระวนกระวาย ส่วนข้อที่

ว่าความทุกข์นั้นมาจากอะไรนั้น มันเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณากันสักหน่อยจึงจะเห็นได้ แต่แล้วก็

ไม่ยากเย็นเกินไปในการที่จะพิจารณา ยิ่งได้รับคำสั่งสอนกันมามากมายถึงอย่างนี้แล้ว มันก็

ยิ่งเป็นการง่ายขึ้น คือว่าให้พิจารณาดูให้เห็นแต่เพียงว่า เมื่อใดมีความยึดมั่นสิ่งใดว่าเป็น

ตัวเราหรือเป็นของเรา เมื่อนั้นก็มีความทุกข์ทันที เพียงเท่านี้ก็พอแล้วสำหรับที่จะรู้ จะเข้าใจ

และจะปฏิบัติพระพุทธศาสนา เดี๋ยวนี้เราต้องไปท่องไปจำไปพูดไปจาเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นทุกที

ยากยิ่งขึ้นทุกที เป็นปรมัตถ์ เป็นอะไรที่สูงลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปทุกที จนกลายเป็นบ้าหอบฟาง

ท่วมหัวท่วมหูท่วมตัว มองไม่เห็นตัว เพราะไม่มีข้าวสารอยู่ในนั้นสักเม็ดหนึ่ง ทีนี้ถ้าเราจะเอา

กันแต่เนื้อข้าวสาร เราก็ไม่ต้องไปดูอะไร นอกจากที่จะดูแต่เพียงว่า ความทุกข์นี้เกิดมาจาก

อะไร จนพบแล้วก็จะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์นั้น จิตใจ

ก็จะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทำนองที่จะหมดกิเลส มีกิเลสอันเบาบางไปตามลำดับ

พุทธทาสภิกขุ

ที่มา ธรรมเทศนาวิสาขบูชา ปี พ.ศ ๒๕๑๓ ชื่อ ความเชื่อและการปฏิบัติเพียงข้อเดียว

กัณฑ์ ๒ ฟังได้ที่

http://sound.bia.or.th/catalogue.php?item_code=1215130520020

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language