Dhamma together:“ ให้ ” อย่างไร แค่ไหน? จึงจะเรียกได้ว่า “ ทานบารมี ”

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ... 

“การบำเพ็ญบารมีทั้งหลายจะต้องทำด้วยความเสียสละโดยบริสุทธิ์จริงจังเพียงไร จะขอยกข้อกำหนด

ทั่วๆไปในการบำเพ็ญ “ทานบารมี” มาแสดงเป็นตัวอย่าง คุณสมบัติพื้นฐานอย่างแรกที่จะต้องมีในใจ

คือความไฝ่ใจอยากให้ปวงสัตว์มีความสุข โดยคิดจะบำบัดทุกข์และทำประโยชน์แก่คนทั้งโลก

อย่างเสมอหน้ากัน ไม่มีความรู้สึกจำกัดแบ่งแยก ทำใจให้กว้างขวางไร้พรมแดน(วิมริยาทิกตจิต)

พร้อมที่จะให้และสละได้ทุกเวลา แก่ทุกคนที่มีความต้องการ แม้เขาจะไม่ได้ขอ แต่เมื่อรู้ก็ให้

และให้โดยเต็มใจ

เมื่อมีผู้สมควรได้รับ แม้การให้จะทำให้ตนลำบากก็สละได้

อีกทั้งเมื่อให้แล้วก็มีใจยินดี แม้จะลำบากกายแต่ใจเอิบอิ่ม

ดังเช่น เรื่องอกิตติบัณฑิต อยู่ในป่ามีอาหารน้อย อุตส่าห์เก็บ

ใบไม้ มาจัดแจงเตรียมจะรับประทาน แต่เมื่อเห็นยาจกมา

ก็สละให้ไป โดยตนเองยอมอด และอิ่มใจดีใจที่ได้ให้อาหาร

ช่วยเขา (ขุ.อป.๓๓/๒๐๙/๕๕๑)

ให้โดยไม่หวังการตอบแทนจากเขา (น ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต)

ให้โดยไม่หวังลาภสักการะ ชื่อเสียง ชาติภพ เช่นหวังการไปเกิดในสวรรค์ หรือผลใดๆ (น ผลปาฏิกงฺขี)

ให้โดยมีใจผ่องใสยินดี ใจมุ่งช่วยเหลือ ตั้งใจให้โดยเคารพ ไม่แสดงอาการอย่างทิ้งขว้าง

หรือหน้าตาบูดบึ้งหน้านิ่วคิ้วขมวด (ปสนฺนจิตฺโต) เป็นต้น

ให้ด้วยความรู้เข้าใจ ไม่ใช่ให้ด้วยตื่นตามกัน หรือตามเสียงโฆษณาหามงคลผลดลบันดาล

(น โกตูหลมงฺคลิโก)”

ป. อ. ปยุตฺโต ที่มา : เรื่อง “ บารมี ” #ทานบารมี


#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language