พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
โลกปัจจุบันนี้เป็นโลกแห่งความขัดแย้งอย่างไร ถ้าเราจะมองดูกันทีเดียวทั้งโลกมันก็เต็มไป
ด้วยความขัดแย้ง ระหว่างค่ายใหญ่ๆ ระหว่างพวกใหญ่ๆขัดแย้งกันอยู่ แม้ในระหว่างพวก
กันเองในค่ายหนึ่งๆมันก็มีความขัดแย้ง แล้วมีความขัดแย้งในประเทศ มีความขัดแย้งในบ้าน
เมือง มีความขัดแย้งในครอบครัว หรือจะพูดว่าในตัวคนๆหนึ่งมันก็มีความขัดแย้ง หมาย
ความว่าเมื่อมันไม่เรียบร้อย เมื่อมันไม่ถูกต้อง เมื่อใดมันไม่มีความถูกต้องเมื่อนั้นมันก็
มีไอ้ความขัดแย้งถ้าในร่างกายมันขัดแย้งเกิดขึ้นในร่างกายมันก็คือความเจ็บไข้หรือความเสีย
หายอย่างใดอย่างหนึ่ง นี่ความขัดแย้ง ไปมีที่ไหน อุปทฺทว มันจะมีที่นั่น ดังนั้นมันจึงทนไม่ได้
จึงต้องต่อสู้เพื่อแก้ไขไอ้ความขัดแย้ง แต่แล้วก็มันน่าหัวที่ว่าเราไม่ประสบความสำเร็จในการ
แก้ไขความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของโลกแหละ ท่านทั้งหลายมองดูเองเถิดว่ามัน
ขัดแย้งกันถึงขนาดที่ยังไม่มีใครจะแก้ไขหรือแม้แต่จะบรรเทา อย่าว่าแต่จะให้เลิกร้างไปเลย
แม้แต่จะบรรเทาก็ไม่ได้ เพราะมันมีอะไรอยู่ลึกๆ ในส่วนลึกที่ทำให้เราแก้ไขไม่ได้ นั่นแหละ
คือสิ่งที่เราจะต้องพิจารณาดู
ในฐานะที่อาตมาเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ไม่มีความรู้ อย่างอื่นหรอก นอกจากความรู้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้ ตรัสไว้อย่างไร เดี๋ยวนี้พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ว่าแก้ไข ได้ด้วยสัมมาทิฏฐิ เราจะแก้ไขความขัดแย้งทุกชนิดแหละ ด้วยสัมมาทิฏฐิ แม้แต่จะแก้ไขความขัดแย้งในร่างกายที่ มันไม่ถูกต้อง แล้วมันเจ็บป่วยขึ้นมาหรือมันเป็นอะไรขึ้นมา มันมีกิเลสเกิดขึ้นมาอะไรขึ้นมาเหล่านี้เรียกว่าเป็นความขัด แย้ง เป็น อุปทฺทว ในร่างกาย ฉะนั้นก็ต้องแก้ด้วยสัมมา ทิฏฐิคือความเข้าใจอันถูกต้อง |
จะแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน ของตำบล ของจังหวัด ของประเทศมันก็จะต้องด้วยความเข้าใจ
อันถูกต้องว่าอะไรมันเป็นอะไร แต่จะเข้า จะแก้ไขโลกนี้มันก็เรียกว่ามันไกล มันไม่อยู่ใน
อำนาจของเรา เราก็ได้แต่ช่วยกันต่อสู้ต้านทานไปตามกำลัง แม้ที่สุดแต่การโวยนี่ อุตส่าห์
โวยไว้ก็ยังดีกว่าไม่มีใครจะโวยเสียเลย เพื่อต่อต้านความขัดแย้งในโลก จะต้องทำให้เกิด
สัมมาทิฏฐิความเข้าใจอันถูกต้องขึ้นมา ความถูกต้องนั้น สัมมาทิฏฐินั้นท่านพูดไว้เหมือนกับ
กำปั้นทุบดินแหละ มันไม่มีทางผิดหรอก คือว่า ให้รู้ว่าอะไรเป็นความทุกข์หรือตัวปัญหา อะไร
เป็นเหตุของความทุกข์หรือเหตุของปัญหา อะไรเป็นทางดับของปัญหา อะไรเป็นวิธีให้ถึง
ไอ้การดับของปัญหาหรือของความทุกข์ ถ้ารู้ครบอย่างนี้ก็เรียกว่ามีสัมมาทิฏฐิ รู้โดยราย
ละเอียดว่าปัญหาหรือความทุกข์ก็ตามมันค่อยเกิดขึ้นอย่างไรค่อยอย่างไรตามลำดับๆ กระทั่ง
ว่าความทุกข์หรือปัญหานั้นมันจะสูญสิ้นไป มันจะค่อยๆ หดหายไปอย่างไรตามลำดับ ถ้ารู้
หมดนี้ก็เรียกว่ามีสัมมาทิฏฐิ เดี๋ยวนี้ความขัดแย้งได้เกิดขึ้นก็เพราะตรงกันข้าม คือมิจฉาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐิมันเป็นไปในทางถูกต้องตามที่เป็นจริง ส่วนมิจฉาทิฏฐินั้นมันไม่รู้หรือมันรู้ผิด การรู้
ผิดมีผลเท่ากับไม่รู้ มันก็เลยไม่มีแสงสว่างพอที่จะแก้ปัญหาอะไรได้
พุทธทาสภิกขุ
#จดหมายเหตุพุทธทาส
ที่มา : อบรมตำรวจและนักเรียนการเมือง ๑๔ จังหวัดภาคใต้ รุ่น ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ครั้ง ๑
เรื่อง การระงับความขัดแย้งด้วยสัมมาทิฏฐิ ฟัง
http://sound.bia.or.th/catalogue.php?item_code=4125260718010
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น