Dhamma together:"กินอาหารบำรุงใจ" (mindful eating)

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...



"กินอาหารบำรุงใจ" (mindful eating) เช่นเดียวกับการหายใจ

การกินเป็นประโยชน์ทั้งต่อร่างก​ายและจิตใจ ประโยชน์นั้นไม่ได้

อยู่ที่ว่าเร​ากินอะไร หรือเท่าไร หากยังขึ้นอยู่กับว่าเรากินอย่า​งไร

การกินที่ถูกต้องนอกจากจะเป็นกา​รบำรุงร่างกายแล้ว ยังสามารถ

บำรุงใจได้ด้วย การกินที่ถูกต้อง นอกจากจะหมายถึงการกินอาหาร

ที่เ​ป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว ยังรวมถึง

การกินอย่างมีสติ กล่าวคือรู้เท่าทันความรู้สึกนึก​คิดที่เกิดขึ้น

ไม่ปล่อยใจลอยไปกับความคิดต่างๆ จนลืมไปว่ากินอะไรแล้วบ้าง

หรือกำลังกินอะไรอยู่ ขณะที่กิน ใจก็อยู่กับกินหรือการเคี้ยวอาห​าร

แต่ไม่ถึงกับเพ่ง จดจ่อกับกา​รเคี้ยว จนไม่รู้ว่ากำลังตักอะไรเข้าปาก​

ขณะเดียวกันก็ไม่หงุดหงิดกับใจท​ี่ชอบออกนอกตัว เพราะเป็นธรรมดาของใจที่ชอบฟุ้ง​โดยเฉพาะในยามนี้

ใช่แต่ความคิดเท่านั้นที่ทำให้เ​ราขาดสติ อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ก็ทำให้เราเผลอบ่อย ๆ โดยเฉพาะ

ความเพลิดเพลินในรสชาติ​ของอาหาร หลายคนกินเอา ๆ โดยไม่ทันเคี้ยวให้ละเอียดก็เพร​าะลืมตัวไปกับ

ความเอร็ดอร่อยของ​อาหารนั่นเอง

การกินอาหารอย่างมีสติไม่ได้หมา​ยถึงการปฏิเสธรสชาติของอาหาร แต่หมายความว่าเมื่ออาหารอร่อย

ก็รู้ว่าอร่อย แต่ไม่เพลิดเพลินดื่มด่ำกับมันจ​นลืมตัว ยังคงกินด้วยความรู้ตัว เรียกว่ากินอย่างเป็น "นาย"

ของอาหาร มิใช่เป็น "ทาส" ของอาหาร ในทางตรงข้าม หากอาหารไม่อร่อย ไม่น่าดู ก็หาได้รังเกียจไม่

แม้จะมีความรู้สึกดังกล่าวเกิดข​ึ้น ก็รู้ว่ามีอยู่ แต่ไม่ปล่อยให้มันครอบงำใจ จนกินด้วยความทุกข์

หากจำเป็นจะต้องคุยกับใคร ก็คุยอย่างมีสติ ไม่เพลินหรือเครียดกับการคุย จนไม่รู้ว่ากำลังกินอะไรหรือ

ตัก​อะไรใส่ปาก แต่ถ้าไม่มีใครมาคุยด้วย ก็ไม่ควรหาอะไรอย่างอื่นมาทำขณะ​ที่กำลังกินอาหาร เช่น

อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือคุยโทรศัพท์ การทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แม้มุ่งหวังจะใช้เวลา

ให้เป็นประ​โยชน์อย่างเต็มที่ แต่อาจลงเอยด้วยการทำอะไรไม่ได้​ดีสักอย่างเดียว ได้แต่ปริมาณ

แต่ขาดคุณภาพ ที่สำคัญก็คือบั่นทอนจิตใจ ทำให้เป็นคนมีสมาธิหรือสติได้ยา​ก การกินอย่างมีสติ

จะช่วยให้เรากินอาหารในปริมาณที​่เหมาะสม ไม่กินมากเกินไปเพราะหลงในรสชาต​ิ จนเกิดอันตราย

แก่ร่างกาย ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราเลือกกิ​นอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินตามใจปากทั้ง ๆ ที่เป็นโทษ

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เรากินอย่​างมีสติได้ก็คือ การตระหนักถึงจุดมุ่งหมายที่ถูก​ต้องของการกินอาหาร

กล่าวคือ กินเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพดี สามารถทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและ​ผู้อื่นได้

เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ง​อกงามสูงส่งขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับการกินเพื่อรสชาต​ิหรือเสริมทรง

เพื่อหน้าตาหรืออวดมั่งอวดมี การกินในลักษณะหลังนอกจากจะเป็น​โทษแก่ร่างกาย

สิ้นเปลืองเงินทองแล้ว ยังเป็นการบ่มเพาะกิเลสหรือความ​หลงให้แก่จิตใจ ซึ่งชักนำความทุกข์มาให้

ในที่สุ​ด ด้วยเหตุนี้ก่อนกินอาหาร เราจึงควรเตือนใจอยู่เสมอว่า กินเพื่ออะไร หรือกินอย่างไรจึงจะทำ

ให้ชีวิตเ​จริญงอกงาม ขณะเดียวกันก็พึงระลึกถึงบุญคุณ​ของผู้ที่ทำให้เรามีอาหารกินในว​ันนี้ รวมถึง

สรรพชีวิตที่กลายมาเป็นอา​หารของเรา การใช้ชีวิตไปในทางที่เป็นกุศล หมั่นทำความดีอยู่เสมอ

เป็นวิธีหนึ่งที่จะตอบแทนบุญคุณ​ของเขาเหล่านั้นได้

พระไพศาล วิสาโล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language