Dhamma together:ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา...ฝึกปฏิบัติต่อใจตัวเองให้ปิติ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

การปฏิบัติธรรมที่เราต้องพิจารณาธรรม พิจารณาอารมณ์ ก็คือพิจารณาใจเรานั่นเอง

คนเราจะหาที่พึ่งแต่ภายนอกไม่ได้ 

บางคนทุกข์ขึ้นมาก็ไปหาหมอดู ไปหาพระรดน้ำมนต์ หาคนทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา คือ

ต่อใจตนเองให้ปิติ

 “ทาน” ทำให้เราปีติ ทำทานมากๆ แล้วจะสะเดาะเคราะห์ได้

“ศีล” รักษาศีลแล้วจะสะเดาะเคราะห์ให้ได้ 

ทำใจให้ปีติในศีล มั่นใจในศีลตนเองว่ามีศีลตลอด

“สมาธิ” ทำใจให้ไม่โกรธ ทำใจให้เย็น 

ทำให้มีองค์ภาวนา ทำให้ฌานเกิดขึ้น 

ทำให้จิตตั้งมั่นเกิดขึ้น นั่นแหละ ! 

จะสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาได้

“ปัญญา” ทำปัญญาให้รู้ว่าขันธ์ ๕ ทั้งหลาย 

เกิดแก่เจ็บตายเป็นของมีทุกข์ทั้งนั้น

เราแบกขันธ์ ๕ แบกไปแบกมา หนักไปหนักมา ต้องพากิน พาเดิน พานั่ง พานอน พาถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ

เราลำบากอยู่ตลอดคืนตลอดวัน ร่างกายนี่เป็นของหนัก นั่งนานก็หนัก นอนนานก็หนัก กินนานก็หนัก

หายใจมากก็หนัก คิดมากก็หนัก อยู่นานก็หนัก อายุมากก็หนักมากขึ้น นี่คือทุกข์ เมื่อเรามีปัญญามองเห็น

อย่างนี้แล้ว เราก็ต้องหาทางพ้นทุกข์อันนี้ การที่เราจะพ้นทุกข์ได้ก็ต้องแสวงหาธรรมะคือพระนิพพาน ..

นั่งให้เบา นอนให้เบา กินให้เบา ไม่ต้องคิดอะไรมาก นี่เราเรียกว่าหาทางดับทุกข์ มีที่พึ่งทางใจ เมื่อเรามา

ประพฤติอย่างนี้แล้ว เราจึงจะมีที่พึ่ง..

หลวงพ่อสนอง กตปฺญโญ..

#inndhamma #อยู่ในธรรม #ทบทวนธรรม

#ทำความเข้าใจ #ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #ลงมือทำทันที

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #คิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language