Dhamma together:ผู้รู้ร้อนรู้หนาว ผู้รู้หิวกระหาย ผู้รู้คำหนักคำเบา ผู้รู้สุขรู้ทุกข์ คือผู้มีขันติ

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

ผู้มีขันติ...ความอดทนนั้น 

ไม่ใช่ผู้ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว 

ไม่ใช่ผู้ไม่รู้หิวกระหาย ไม่ใช่ผู้ไม่รู้คำหนัก คำเบา

ไม่ใช่ผู้ไม่รู้สุขไม่รู้ทุกข์ 

ผู้มีขันติก็เช่นเดียวกับใครทั้งหลาย

ที่มีสติสัมปชัญญะดีอยู่

คือ เป็นผู้รู้ร้อนรู้หนาว เป็นผู้รู้หิวกระหาย

เป็นผู้รู้คำหนักคำเบา เป็นผู้รู้สุขรู้ทุกข์

แต่ผู้มีขันติ แตกต่างจากผู้ไม่มีขันติตรงที่ ผู้ไม่มีขันตินั้น เมื่อพบร้อนพบหนาวมากไปน้อยไป

ก็กระสับกระส่าย กระวนกระวาย แสดงออกถึงความเร่าร้อนไม่รู้อดไม่รู้ทนของจิตใจ

ส่วนผู้มีขันติ เมื่อพบร้อนพบหนาวมากไปน้อยไป ก็จะสงบใจอดทน 

ไม่แสดงออกให้ปรากฏทางกาย ทางวาจา หรือ

ผู้ไม่มีขันติเมื่อหิวกระหาย ก็จะวุ่นวาย กระสับกระส่ายแสวงหา

ส่วนผู้มีขันติจะสงบกายวาจา หิวก็เหมือนไม่หิว กระหายก็เหมือนไม่กระหาย 

ไม่ปรากฏให้ใครอื่นรู้ได้จากกิริยาอาการภายนอก 

คำหนักเบาก็เช่นกัน ผู้ไม่มีขันติเมื่อกระทบถ้อยคำถึงตน ที่หนักหนา

รุนแรงก็จะเกรี้ยวกราด เร่าร้อน ให้ปรากฏทางกาย ทางวาจา

ส่วนผู้มีขันติจะสงบอยู่ได้ด้วยอำนาจของขันติ ได้ยินก็เหมือนไม่ได้ยิน 

คำหนักก็จะเหมือนคำเบา เสียงติฉินก็จะเหมือนเสียงลมแว่วผ่าน 

ไม่อาจทำให้ปรากฏเป็นการกระทำคำพูดที่รุนแรงเป็นปฏิกิริยาตอบโต้

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร

#inndhamma #อยู่ในธรรม #ทบทวนธรรม

#ทำความเข้าใจ #ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #ลงมือทำทันที

#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #คิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา

#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก

#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language