พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ความเข้าใจกับความเห็นแจ้งนั้นไม่เหมือนกัน... ความรู้นี้ต่ำที่สุด, ความเข้าใจสูงขึ้นไป, ความเห็นแจ้ง สูงขึ้น เมื่อเราศึกษาเล่าเรียน อ่าน เขียน ฟัง เราได้ ความรู้ เรียกว่า knowledge มาจากการศึกษา ทีนี้เรา มาใช้เหตุผลในการคำนึงคำนวน เราก็ได้รับความเข้าใจ เป็น understanding ซึ่งมันไม่เพียงแต่ว่ารู้ ๆ ต่อมา เราได้ทำสิ่งนั้นเข้าจริง ๆ ได้ผ่านสิ่งนั้นเข้าไปจริง ๆ คือ ได้ผ่านสิ่งนั้นเข้าไปจริง ๆ เรามี experience ในสิ่งนั้น จริง เกิดการเห็นแจ้งคือได้ชิมด้วยใจได้ผ่านไปด้วยใจ realization หรือ intuitive wisdom |
หรืออะไรที่สุดแท้แล้วแต่จะเรียก แต่ให้รู้ว่าความหมายมันต่างกันมาก ความรู้ ความเข้าใจ,
ความเห็นแจ้ง ทีนี้คำว่าผลที่เราจะรู้จักมันดี มันต้องเป็นผลที่ได้ผ่านเรา คือ เราได้มี
การปฏิบัติลงไปจริง ๆ และมีเกิดผลผ่านใจเราไปจริง ๆ ผลนั้นเป็นที่แจ่มแจ้ง เห็นแจ้งแก่ใจ
ของเรา คำว่าปฏิเวธก็หมายความถึงความแจ่มแจ้งด้วยใจอย่างนี้ โดยไม่ต้องใช้เหตุผล
มันเกินที่จะใช้เหตุผล และมันเกินที่จะเพียงแต่อ่าน ๆ เขียน ๆ แล้วก็รู้ อย่างนั้นมันไม่พอ
เนื้อหนังร่างกายจิตใจของเราทั้งหมดนี้ เรียกว่าสภาวะธรรมแล้วมันมีกฎเรื่องไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เปลี่ยนแปลงไปตามกรรมไปตามเหตุตามปัจจัยนี้อยู่ในสภาวะธรรมนั้น และเนื้อตัว
เราทั้งหมดมีหน้าที่ แม้ที่สุดแต่ว่าเซลล์เล็ก ๆ สักเซลล์หนึ่งในร่างกายนี้ก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำ
ตามหน้าที่ของเซลล์ตามธรรมชาติ ทีนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งใจมันก็ยิ่งมีหน้าที่สลับซับซ้อน หน้าที่
ทางกาย, หน้าที่ทางจิต, หน้าที่ทางวิญญาณ อย่าไปมองธรรมะที่อื่น อย่าไปมองธรรมะ
ที่ในหนังสือ อย่าไปมองธรรมะที่วัด ให้มองธรรมะที่เนื้อที่ตัวที่ใจที่อะไรของตัวเองจึงจะพบ
ธรรมะจริง
พุทธทาสภิกขุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น