พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ในการพิจารณาอารมณ์ค้างในจิต อย่างไม่หลอกตัวเอง อย่างเปิดเผยจริงใจต่อตัวเอง อาจจะพบเหตุที่เนื่องมาจาก ความโลภอีกเหตุหนึ่ง เช่น เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ หงุดหงิดเศร้าหมอง ขุ่นมัว ผิดปรกติ พยายามทำสติดูใจ ตัวเองว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็ได้พบเหตุว่าเนื่องมาจาก เมื่อวันวานมีการเปิดพินัยกรรมของญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งมีฐานะดี ได้คาดไว้ว่าจะต้องได้อะไรๆ หลายอย่างเพราะ เป็นลูกหลานใกล้ชิดคนหนึ่ง |
และเมื่อท่านเจ็บหนักก็ได้อุตส่าห์เข้าไปช่วยรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ คิดว่าท่านจะเห็นใจและให้
อะไรที่มีค่าเป็นพิเศษ แต่ถึงเวลาเข้าจริง ของที่ท่านแบ่งไว้ให้ในพินัยกรรมน้อยเกินกว่าคาดหมาย
มากนัก จนทำให้โกรธจนเป็นลม หน้ามืด ตาลายไปในทันทีทีเดียวนี้คือความโลภอันเป็นเหตุแห่ง
ความทุกข์ ความโลภมีอยู่ในจิตใจผู้ใดย่อมทำให้ผู้นั้นเป็นทุกข์ ความโลภจักไม่ทำให้เป็นสุขได้
เลย มีโลภมากก็มีทุกข์มาก มีโลภน้อยก็มีทุกข์น้อย ผลเป็นไปตามเหตุทุกประการ ไม่มีที่เหตุจะ
เป็นอย่างหนึ่งแล้ว ผลจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่นในตัวอย่างข้างต้น ให้มีสติเพ่งโทษของความโลภ
ให้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเป็นโทษของความโลภจริงๆ หากพิจารณาแล้วจะกลับเห็นไปว่า
ไม่ได้โลภ เป็นสิ่งที่ควรได้ต่างหาก เพราะไม่ได้สิ่งที่ควรได้ต่างหากจึงเป็นทุกข์ ก็ให้พยายามมีสติ
รู้ว่า ตนกำลังเข้าใจผิดอย่างยิ่ง แล้วพิจารณาใหม่ จนได้ความเข้าใจถูก แม้เพียงสมควรว่า
ความทุกข์ครั้งนี้เกิดจากความโลภ มิได้เกิดจากอะไรอื่น ที่จริงสิ่งที่ควรได้ของทุกคนมีอยู่ แต่แม้
เป็นสิ่งที่ควรได้เพียงใดก็ตาม หากไม่มีความโลภอยากได้ ก็จะไม่เป็นทุกข์เมื่อจะเกิดไม่ได้ในสิ่งที่
ควรได้ ตรงกันข้ามกับผู้มีความโลภ แม้ไม่ได้สิ่งที่ไม่ควรได้ก็ยังเป็นทุกข์ อย่าว่าแต่จะไม่ได้สิ่งที่
ควรได้เลย พิจารณาให้ดี ให้มีสติพอสมควร จะได้เห็นว่าเหตุแท้จริงของความทุกข์ในตัวอย่าง
ข้างต้น มิใช่อยู่ที่เป็นสิ่งควรได้หรือไม่ควรได้ แต่อยู่ที่ใจมีความโลภ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
#inndhamma #อยู่ในธรรม #ทบทวนธรรม
#ทำความเข้าใจ #ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #ลงมือทำทันที
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #คิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก
#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น