พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
รักที่แท้ในพุทธศาสนา คือ เมตตา กรุณา หมายถึง การปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และอยากให้เขาพ้นทุกข์ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเอาผู้อื่นเป็นตัวตั้ง แต่ความรักอีกแบบหนึ่งที่ พุทธศาสนาไม่ส่งเสริม เรียกว่า "สิเนหา" หรือที่เราเรียก "เสน่หา" เพราะมันเป็นความรักที่เอาตัวกูหรืออัตตาเป็นตัวตั้ง การรักคนอื่นในทางพุทธศาสนานั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ คือ การคลายความยึดติดถือมั่นในตัวตน ส่งผลให้ความเห็นแก่ตัว ลดลง จิตใจจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา |
จิตใจที่มีเมตตากรุณานั้นทำให้สามารถรักคนอื่นได้โดยบริสุทธิ์ ปราศจากความอยากครอบครอง
หรือเอามาสนองตัวตน เรียกว่าเป็นจิตใจที่ไร้เขตแดน
อาตมาคิดว่าความรักแบบนี้ต่างจากความรักของฆราวาสหรือของปุถุชนทั่วไป เพราะรักของฆราวาสนั้น
เป็นความรักที่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นของเรา เช่น ถ้าแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ต้องเป็นของฉันทั้งๆ ที่เขา
ไม่มีทางเป็นของเราได้ . ความรักแบบที่มี “ตัวกูของกูเป็นศูนย์กลาง” เป็นความรู้สึกที่พระพุทธเจ้าเรียก
ว่า “สิเนหะ” หรือ เสน่หา ไม่ใช่ความเมตตาหรือกรุณา การได้มาศึกษาและบวชในพุทธศาสนา ทำให้
อาตมาเรียนรู้เรื่องนี้ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างความรักทั้ง 2 อย่างนี้ . แต่การที่ปุถุชนจะมีความรู้สึก
ผูกพัน หรือมีความยึดมั่นในตัวกูของกู ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสิเนหะที่มีเฉพาะกับเพศตรงข้าม
หรือสิเนหะของแม่ที่มีต่อลูก ล้วนเป็นความรักที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่ยึดโยงกับตัวตนทั้งสิ้น เช่น
คาดหวังว่าลูกจะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ หรือว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง เรียนในคณะที่แม่ชอบ ปุถุชนมักมีความ
รู้สึกแบบนี้ เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ความรักของเรา เป็นความรักที่ขยายวงกว้าง หมายถึงไม่ว่าเราจะรัก
เพื่อน หรือว่ารักพ่อแม่ก็ตาม ก็ขอให้เป็นความรักที่ไม่ใช่เพื่อปรนเปรอตัวเอง แต่เป็นรักด้วยความเมตตา
กรุณา มีความปรารถนาดีต่อเขา โดยไม่ได้มุ่งประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
พระไพศาล วิสาโล
ให้เธอเป็นได้มากกว่ารักกับเพลง เพลงนี้....
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น