Dhamma together:"รสของพระธรรม"

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...



"รสของพระธรรม" จิตธรรมดาสามัญมีกิเลสนี่มันเอียงต่ำ

มันมีลาดเอียงไปทางต่ำ เหมือนกับปลานี่ มันจะวิ่งลง

น้ำเรื่อย ถ้าจับโยนขึ้นมาบนบก จิตธรรมดาสามัญของ

ปุถุชน มันมีลักษณะอย่างนั้น มันจะเอียงไปหาน้ำคือ

กามารมณ์ ของรัก ของอร่อย แก่อายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น

กาย ใจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรียกว่าศาสนาที่จะวิวัฒมาใน

ทางสูงสุดจนถึงจริงแท้นั้น มันจึงยากกว่า


ดูให้ดีที่คำว่ายากกว่า มันฝืน หรือมันทวนกระแส ขั้นที่จริงแท้เท่าไร มันยิ่งไม่สนุกแก่ปุถุชน

คนธรรมดา ซึ่งมีกิเลส นี่ก็เพราะว่ามันทวนกระแสของกิเลส เพราะฉะนั้นจึงไม่สนุกแก่คนที่

ยังมีกิเลส จึงยากที่จะวิวัฒนาการขึ้นมาสู่ระดับที่สูงสุด หรือจริงแท้ เมื่อถึงระดับที่สูงสุด

หรือจริงแท้ มันก็เลยไม่มีเสน่ห์ ที่จะยั่วกิเลส ฉะนั้นมันจึงไม่ง่ายในการที่ทุกคนจะไปชอบมัน

มันจึงยากแก่การที่ทุกคนจะไปชอบมัน นี่ก็ไปดูเอาเองก็แล้วกัน ว่าพวกที่เขาไม่สนใจศาสนา

นั้นนะ เพราะว่ามันยากที่เขาจะมาชอบมัน เพราะว่ามันทวนกระแสแก่กิเลสของเขา ถ้าจะ

ถามว่า ธรรมะหรือศาสนานี้ ไม่มีรสมีชาติเสียเลยอย่างนั้นรือ ก็จะตอบว่า ไม่ใช่อย่างนั้น มันมี

รสสูงสุดของมันอีกแบบหนึ่ง และยังอาจจะพูดได้ว่าอร่อยหรือประเสริฐ มีเสน่ห์ที่สุดก็ได้

แต่มันอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไอ้คนปุถุชนสามัญ มันอร่อยไม่เป็น มันอร่อยไม่ถูก เพราะฉะนั้นสิ่งที่

เรียกว่าธรรมรส รสของพระธรรมนั้นมันจึงอร่อยแก่คนบางพวกเท่านั้น เหมือนกับน้ำหอมกับ

แมลงวันนี่เอา คุณจะคิดว่ายังไง แมลงวันพวกไหนมันจะชอบน้ำหอม มันจะชอบน้ำปลา

น้ำเน่า น้ำอะไรอย่างนั้น รสแห่งพระธรรมนี่ก็เหมือนกันแหละ มันก็เป็นน้ำหอมแก่แมลงวัน

ฉะนั้นจึงหายากที่ว่าคนจะมาบูชาพอใจในรสของพระธรรม ทั้งที่พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสว่า

สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ

รสแห่งธรรมชนะแห่งรสทั้งปวง

แต่ก็มีแต่คนสั่นหัว เช่นเดียวกับเราจะเอาน้ำหอมไปให้แมลงวัน ถ้าเราเอาน้ำปลา น้ำหนอง

น้ำเน่า ไปให้แมลงวัน มันก็ชอบใจ นี่คือความยากลำบากที่มันจะวิวัฒนาการขึ้นมาหาศาสนา

ในระดับที่จริงแท้สูงสุด

พุทธทาสภิกขุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language