พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
“ศีลนี้คือสัตย์ จะว่าศีลก็ได้ จะว่าสัตย์ก็ได้ ให้มันขาดออกจาก ความชั่วทั้งหลาย ศีลนี้แปลว่า 'หิน' มันเป็นของหนัก ไม่ใช่ของเบา ทิ้งลงน้ำก็จมดิ่งลงไป เป็นของหนักแน่น ถ้าเรามีศีลคือเราไม่มีโทษทางกาย ไม่มีโทษทางวาจา ไม่มีโทษทางใจ เราก็พูดได้ถนัดเลย พูดตรงไปตรงมาเลย ไม่กลัวเกรง เป็นผู้อาจหาญกล้าพูดกล้าทำในทางที่มันถูก ไม่เกรงไม่หวาดกลัวใครทั้งนั้นแหละ นี่เรียกว่า ศีลเป็นผู้องอาจในที่ประชุมชน หรือเมื่อจะตายก็องอาจ เราไม่ทำความชั่ว เมื่อเราทำแล้วก็ละแล้ว ก็เลิกแล้วไม่มีอะไร |
ใจเราก็สบาย องอาจรู้จักอันตรายทั้งหลายแล้ว เพราะว่าโทษอะไรเราไม่มี มันข้ามอันตรายทั้งหลายนี้
เมื่อหากว่ากาย หรือวาจาของเราไม่มีโทษแล้ว ใจเราก็เย็น เย็นลง ทำสมาธิก็เกิดง่าย
จิตจะเป็นบุญ จิตจะเป็นกุศล เพราะไม่มีเรื่องราวอะไรต่างๆเป็นต้น นั่นเรียกว่ามันเป็นไวพจน์ของสมาธิ
สมาธิจะเกิดขึ้น สมาธิคือความตั้งใจมั่นมีขึ้น มันก็เป็นไวพจน์ให้เกิดปัญญา
ปัญญาคือความรู้แจ้งแทงตลอดอะไรทั้งหลายทั้งปวงนั้น รู้จักเหตุผล รู้จักถูกเป็นถูก รู้จักผิดเป็นผิด
หลวงพ่อชา สุภัทโท
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก
#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น