พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
เดี๋ยวนี้พุทธบริษัทเราไม่เข้าใจชัดในเรื่องวัตถุนี้ จึงได้เข้าใจไปนับถือในรูปขลัง รูปศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นานา แม้ว่าการนับถือนั้นจะทำให้ตนสบายใจ แต่เป็น ความสบายใจเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่เป็นความ สบายใจที่เด็ดขาดตายตัว ไม่เหมือนกับเอาธรรมะมาใช้ แก้ปัญหา แต่ว่าที่ได้กระทำกันอยู่ทั่วๆ ไปนั้น ก็ เพราะว่าไม่เข้าใจในเรื่องนั้นตามความเป็นจริง ไม่มีใคร พูดให้เราฟังว่าความจริงนั้นควรจะเป็นอย่างไร |
เราเชื่อและทำกันมาตามที่เขาว่า เขาว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้ รับมาตั้งแต่เป็นเด็ก เช่นรับนับถือมาว่า
พระพุทธรูปองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นอย่างนี้ ในรูปต่างๆ เล่าลือกันถึงอภินิหารแปลกๆ
ซึ่งคนโบราณเขามีความเข้าใจอย่างนั้น แล้วก็ถือตามกันมาในรูปอย่างนั้น ไม่ได้เข้าถึงพระพุทธเจ้า
ที่เป็นเนื้อแท้ แต่ไปถึงสิ่งที่เป็นวัตถุ จนมีคำพูด กันในสมัยนี้ว่า ‘วัตถุมงคล’
วัตถุมงคลนั้นไม่มี ในมงคล ๓๘ ของพระพุทธเจ้า ไม่มีสิ่งอะไรที่เป็นวัตถุว่าเป็นมงคล มีแต่เรื่อง
การไม่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่เป็นอัปมงคล และมีเรื่องการปฏิบัติตามหลักธรรมเท่านั้นที่ชื่อว่า
เป็นมงคล ไม่มีสิ่งวัตถุอันใดที่เป็นมงคลเลยตามหลักพระพุทธศาสนา เช่นเราจะถือว่าใบไม้นั้น
เป็นมงคล หญ้านี้เป็นมงคลหรือว่าอะไรๆ ที่เป็นมงคลตามที่เราเข้าใจกันอยู่นั้น มันเป็นมงคล
ภายนอกพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มงคลตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา
มงคลในพระพุทธศาสนานั้น มีความหมายว่า เหตุอันให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิต ก็เหตุที่จะ
ให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิตของเรานั้น ย่อมเป็นเหตุภายในไม่ใช่เหตุภายนอก เหตุภายในก็
คือการปรับปรุงจิตใจของเราให้เข้าทางธรรมะให้ได้ ใช้หลักธรรมะเป็นแนวทางชีวิต จะปฏิบัติอะไร
ก็ให้เรียกว่าปฏิบัติตรงตามแนวธรรมะ นั้นแหละเป็นอุดมมงคล เป็นมงคลสูงสุดตามหลักคำสอนใน
ทางพระพุทธศาสนา
ปัญญานันทภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น