พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ความทุกข์นั้นสอนดีกว่าความสุข หรือถ้าว่ากันโดยที่แท้แล้ว ความสุขนั้นอาจจะไม่สอนอะไรเสียเลยก็ได้ แต่ความทุกข์นั้น สอนมากทีเดียวและสอนดีด้วย แต่ละคนก็ไม่เปิดโอกาสให้ ความทุกข์นั้นสอน พอมีความทุกข์เข้ามาก็สมัครเป็นเจ้าทุกข์ เสีย ไม่พยายามจัดแจงหรือกระทำให้ความทุกข์นั้นเป็นผู้สอน เคยเตือนกันแล้วเคยเตือนกันเล่าว่าให้ดูให้ดีมันมีแต่ได้ไม่มี เสีย แม้แต่ความทุกข์ซึ่งคนเขามองกันเป็นเรื่องเสีย นี่เรียกว่า มองไม่เป็น ถ้ามองเป็น แม้แต่ความทุกข์ก็เป็นเรื่อง "ได้" |
ไม่ใช่หมายความว่า "ได้ทุกข์" แต่ว่า "ได้โอกาส" ที่จะศึกษา เรื่องความทุกข์ ถ้าไม่มีความทุกข์
มาแล้วจะศึกษาความทุกข์ ได้อย่างไร ถ้าไม่ศึกษาความทุกข์มันก็ไม่รู้จักความทุกข์ แต่ถ้าไม่มี
ความทุกข์มาแล้วเราจะศึกษาอะไร ดังนั้น เราต้องมีความทุกข์จริง ๆ มา ไม่ใช่นึก ๆ เอาว่า
ความทุกข์เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องในพระศาสนานี้ไม่ใช่เรื่องนึก ๆ เอา จะศึกษาเรื่องอะไรก็ต้องมี
เรื่องนั้นจริง ๆ จะศึกษาเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ต้องศึกษาลงไปบนสิ่งซึ่งกำลังแสดง อนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา และก็ต้องเป็น "ภายใน" ด้วย การไปมัวศึกษา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของคนอื่น
ของสิ่งอื่นนั้นเป็นไปไม่ได้ หรืออยากจะเป็นไปได้ก็ได้ผลน้อย นี่ก็ต้องศึกษา อนิจจัง ทุกขัง
อนัตตาที่มีอยู่ในความรู้สึกของตนเอง ความเจ็บไข้ก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งแสดง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เรียกว่ามันเป็นตัวความทุกข์อยู่แล้ว ก็เป็นการแสดงทุกขังได้ดี เพราะความเปลี่ยนแปลงจากความ
สบายมาเป็นความไข้นี้มันก็แสดงอนิจจังที่ดีอย่างยิ่งอยู่แล้ว เพราะความที่เจ็บไข้มันไม่อยู่ใน
อำนาจของใคร นี่ก็เป็นการแสดงอนัตตาของสังขารอันนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นควรจะถือเอาโอกาส
เช่นนี้ทำสิ่งที่เป็นทุกข์ให้กลายเป็นความรู้สำหรับจะแก้ความทุกข์นั้นเอง
พุทธทาสภิกขุ
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่านนะจ๊ะ #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ฉลาดใช้ #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก
#สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น