พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
ผู้คนเป็นอันมากพยายามอย่างมากที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจตน แต่ก็มักไม่ประสบผล
สาเหตุเป็นเพราะส่วนใหญ่มักเรียกร้องจากคนอื่น แทนที่จะกลับมาเริ่มต้นที่ตนเอง
นั่นคือ พยายามเข้าใจคนอื่นให้มาก เป็นเพราะเราไม่เข้าใจคนอื่น เช่น มองเขาในแง่ลบ
คลางแคลงสงสัยในความตั้งใจดีของเขา น้ำเสียงและอากัปกิริยาของเราที่แสดงออกไป
จึงโน้มน้าวให้เขามองเราในลักษณะเดียวกัน
การที่เขาไม่เข้าใจเราอาจเป็นเพราะเราเป็นฝ่ายไม่เข้าใจเขาก่อน
การกระทำของเขาอาจเป็นปฏิกิริยาตอบโต้การกระทำของเราก็ได้ พ่อแม่ที่บ่นว่าลูกไม่ฟังตนเองนั้น
เมื่อสืบสาวสาเหตุก็พบว่า เป็นเพราะพ่อแม่ไม่ฟังลูกก่อน เอาแต่สั่งสอนหรือดุด่าว่ากล่าว
โดยไม่ฟังเหตุผลหรือสอบถามความเห็นของลูกเลย เมื่อลูกโตขึ้น จึงเป็นฝ่ายไม่ฟังพ่อแม่บ้าง
มองในอีกแง่หนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่จริงเขาเข้าใจเราดี เห็นความดีของเรา และชื่นชมเรา
แต่เราต่างหากที่เข้าใจเขาผิด ตีความคำพูดและการกระทำของเขาในทางลบ
จึงนึกว่าเขามองเราในแง่ร้าย ดังนั้นแทนที่จะตัดพ้อหรือกล่าวโทษคนอื่น
การกลับมามองตนและแก้ที่ตนเอง ด้วยการพยายามเข้าใจเขาให้มาก ๆ หรือมองเขาให้ถูกต้อง
จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวหมดไปได้ไม่ยาก หรือไม่กลายเป็นปัญหาต่อไป
ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักมองข้าม มัวแต่เสาะแสวงหาคนที่รู้ใจตน อยากได้เพื่อนที่รู้ใจตน คู่ครองที่รู้ใจตน ลูกน้องที่รู้ใจตน ฯลฯแต่กลับละเลยที่จะรู้ใจตนเอง เมื่อความโกรธเกลียดเกิดขึ้นก็ไม่รู้ทัน ปล่อยให้ความทุกข์เล่นงานจิตใจ หากใจของเราเราเองยังไม่รู้ จะหวังให้คนอื่นมารู้ใจเราได้อย่างไร ? |
จะว่าไปแล้วที่ผู้คนทุกข์ระทมทุกวันนี้ก็เพราะไม่รู้ใจตนมากกว่า
หาใช่เป็นเพราะไร้คนรู้ใจหรือเข้าใจตนไม่ ขาดสติจึงไม่รู้ใจ
มีบางคนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตนเองและไม่พอใจคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ตนรักและเคารพ
เพราะไม่ว่าตนจะทำดีอย่างไร ก็พบว่าเขาเหล่านั้นเห็นแต่ด้านที่ไม่ดีของตน
ไม่เคยจดจำความดีของตนได้เลย เอาแต่ตำหนิติเตียนเวลาตนเองทำผิดพลาด
แต่แน่ใจหรือว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นอย่างที่เราคิด
อันที่จริงเขาอาจเห็นความดีของเราและชื่นชมเรา อีกทั้งยังทำดีกับเราด้วย
แต่เราต่างหากที่ไม่เห็นหรือจดจำเวลาเขาทำดีกับเรา
ครั้นเขาทำไม่ดีกับเราหรือทำไม่ถูกใจเราในบางครั้ง เรากลับจดจำได้แม่น
ไม่ใช่เขาหรอกที่เห็นแต่ด้านไม่ดีของเรา เป็นเราต่างหากที่เห็นแต่การกระทำด้านลบของเขา
|
ถ้าเราพยายามมองเขาให้รอบด้านมากขึ้น ก็อาจพบว่าเขามองเรารอบด้านเช่นกัน หากเรารับรู้ใส่ใจยามที่เขาทำดีกับเรา เราก็จะพบว่าเขาเห็นความดีของเราด้วย ไม่ใช่เห็นแต่ความไม่ดีของเรา ถึงตอนนั้นเสียงตัดพ้อในใจก็จะหายไป |
ไม่เพียงเรารู้สึกดีต่อเขามากขึ้นเท่านั้น หากยังจะรู้สึกดีต่อตัวเองมากขึ้นด้วย
ปัญหาทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการมองแต่ข้างนอกจนลืมมองตน หรือคิดแต่จะแก้ที่คนอื่น จนลืมแก้ที่ตนเอง
เมื่อใดที่เรากลับมาเริ่มต้นที่ตนเองก่อน
แทนที่จะตัดพ้อว่า “ทำไมเขาไม่เข้าใจฉันเลย”
หากลองถามใหม่ว่า “ฉันเข้าใจเขาดีแล้วหรือ ” ก็อาจพบคำตอบหรือทางออกได้ในที่สุด
พระไพศาล วิสาโล
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #คิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง
#ฉลาดใช้ #ชีวิตดี
#เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก #สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
#indhamma #อยู่ในธรรม #ทบทวนธรรม


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น