พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...
" จงมองโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น " คนที่มองโลกมองชีวิตตามความเป็นจริง จะลดความทุกข์ลงไปได้ครึ่งหนึ่ง ของความทุกข์ที่มีอยู่ในชีวิตทั้งหมด ” ใครที่มีวิธีคิดแบบนี้ก็เหมือนกับมีเขื่อนกั้นความทุกข์ อยู่ในใจตัวเอง เห็นอะไรผ่านเข้ามาปัญญาจะบอกอย่างเท่าทัน สติจะป้องกันไม่ให้หวั่นไหว กิเลสจะไม่ไหลไปตามแรงเร้าของสิ่งที่เห็น |
วิธีคิดแบบมองโลกตามความเป็นจริง ก็คือ การมองเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ไม่สุดโต่งไปด้านดี
หรือด้านร้ายตามความรู้สึกที่ตนคิดเอาเอง แต่เป็นการมองลงไปตรง ๆ
ยังตัวปัญหาที่อยู่ตรงหน้าด้วยปัญญาที่เป็นกลาง แล้วใช้ปัญญาที่เป็นกลางนั้น
แสวงหาวิธีแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล ซึ่งวิธีคิดเช่นนี้มีอยู่ในหมู่นักวิทยาศาสตร์
หรือปัญญาชนที่รักการใช้เหตุผลอย่างบริสุทธิ์ใจ ผลของวิธีการมองโลกตามความเป็นจริงก็คือ
สามารถแก้ปัญหาชีวิตได้จริงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ไม่อยู่กับความหวังมากเกินไปเหมือนการมองโลกในแง่ดี
ไม่วิตกมากเกินไปจนไม่กล้าทำอะไรเหมือนการมองโลกในแง่ลบ
แต่เป็นการอยู่กับความจริงที่เป็นจริงด้วยปัญญาแท้ ๆ
และแก้ปัญหาชีวิตไปบนพื้นฐานข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา .....
วิธีคิดแบบมองโลกตามความเป็นจริง เป็นวิธีคิดหลักอย่างหนึ่งของพุทธศาสนา
ซึ่งเรามักจะได้ยินผ่านวลีที่ว่า "จงมองโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น"
ในวิธีคิดสามแบบนี้ วิธีคิดแบบที่สามนับว่ามีประโยชน์มากที่สุด เพราะเป็นวิธีคิดที่มุ่งแก้ปัญหา
โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง พูดอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นวิธีดับทุกข์ ไม่ใช่แค่กลบทุกข์
ถ้าความทุกข์ที่เกิดกับชีวิตเป็นของจริง วิธีที่จะดับทุกข์ ก็ต้องเป็นวิธีคิดแบบมองโลกตามความเป็นจริง
ทุกข์จึงจะถูกดับหรือถูกกำจัดอย่างถอนรากถอนโคน เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า
เรากำลังใช้วิธีไหนในการดับทุกข์
พระเมธีวชิโรดม
#อ่านแล้วแบ่งกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #คิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา
#พัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง
#ฉลาดใช้ #ชีวิตดี #เฉลียวคิด #ชีวิตจักสนุก #สุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน
#indhamma #อยู่ในธรรม #ทบทวนธรรม #ลงมือทำทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น