Dhamma together:รู้แจ้งเห็นจริงในไตรลักษณ์

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...


 บางคนสงสัยว่าถ้าทุกอย่างไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

แล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร เรื่องนี้ให้ดูจากประวัติของผู้ปฏิบัติดี

ปฏิบัติชอบทั้งหลายจะเห็นว่าผู้ที่รู้แจ้งเห็นจริง

ยิ่งเห็นความไม่เที่ยง ความไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ยิ่งขยัน

เมื่อทำงานเพื่อสิ่งที่เชื่อว่าตัวเรา นั่นแหละกิเลสจะเกิดขึ้น

ขัดขวางการทำงานอยู่เรื่อย เช่น งานไหนไม่ได้รับ

ผลประโยชน์แก่ตัวก็ไม่อยากทำ เมื่อทำงานโดยหมกมุ่นกับ

สิ่งตอบแทนก็ล่อแหลมต่อทุจริต เมื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีของตน

ก็มักจะไม่ยอมรับข้อวิภาควิจารณ์หรือเสียงสะท้อนจาก

คนอื่นแล้วไม่ปรับปรุงแก้ไขในจุดอ่อน


ผู้ที่รู้แจ้งเห็นจริงในไตรลักษณ์ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยในการแสวงหาและปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัว

 จึงมีเวลา พลัง และปัญญาเต็มที่เพื่อจะสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม อย่างไรก็ตามผู้ที่ถือว่าเห็น

ความจริงแล้วจะขี้เกียจก็มีปัญหาว่า จะขี้เกียจได้หรือ แล้วจะเอาอะไรมากิน จะเอาอะไรมาใช้ 

จะจ่ายค่าเทอมลูกได้อย่างไร มันก็ยังอยู่ในโลกเหมือนเดิม ไม่มีสิทธิ์ขี้เกียจ ถ้าเราไปพักบ้านคนอื่น

ชั่วคราว เราจะขี้เกียจทำความสะอาดอย่างนั้นหรือ จริงๆแล้วอาจจะดูแลดีกว่าบ้านตัวเองด้วยซ้ำ

 กายกับใจไม่ใช่ของเราก็จริง แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เราควรจะดูแลให้ดี 

พระอาจารย์ชยสาโร

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language