Dhamma together:การที่ไม่ต้องตกเป็นบ่าวเป็นทาสของกิเลสนั้นเป็นความสุข

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางแก่ผู้มาหา...มาฝึกกับพวกเราสิ...

 ภาวะปกติธรรมดาของมนุษย์เราในสมัยที่นิยมวัตถุยิ่งกว่า

สิ่งใด ๆ นั้น อยู่ในลักษณะนั้น ผิดจากในสมัยพระพุทธเจ้า

ซึ่งไม่สนใจหรือไม่นิยมความสุขทางวัตถุเหมือนอย่าง

เดี๋ยวนี้ เกี่ยวข้องกับวัตถุพอประมาณ คือ พออำนวยความ

สะดวกสบายแก่การเป็นอยู่ แต่การแสวงหาความสงบสุขใน

ทางใจ คือ การที่ไม่ต้องตกเป็นบ่าวเป็นทาสของกิเลสนั้น

เป็นความสุข ข้อนี้ มันตรงข้ามจากพวกเราสมัยนี้ ซึ่งถือ

เอาการตกเป็นบ่าว เป็นทาสของกิเลสว่าเป็นความสุข

ส่วนในทางจิตใจนั้น ถือเอาเป็นนายอยู่เหนือกิเลส ไม่เป็นบ่าวเป็นทาสของกิเลสเพียงไร ก็ยิ่งถือว่า

เป็นความสงบสุขเพียงนั้น ความสงบสุขที่ได้มาจากการไม่เป็นบ่าวเป็นทาสของกิเลสนั่นแหละ

คือ ความสุขอันแท้จริง ส่วนความสุขที่ต้องตกเป็นบ่าวเป็นทาสของกิเลสนั้น คือ ความสุข

อย่างทาส อย่างขี้ข้า คือ ต้องทำไปตามอำนาจของกิเลส หยุดไม่ได้ จึงเป็นความสุขชนิดร้อน

หรือ ไหม้

พุทธทาสภิกขุ #จดหมายเหตุพุทธทาส

ที่มา : แสดงธรรม วัตถุอาทีนวกถา วัตถุนิยม ที่พุทธสมาคมจังหวัดสระบุรี

23 มิถุนายน พ.ศ. 2500

#อ่านแล้วแบ่งๆกันอ่านหลายๆท่าน #อ่านหลายรอบ #ระดมสมองคิดหลายๆหน #ฝึกฝนปัญญา #ประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน #จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง #ชีวิตสุขสงบเย็น #เฉกเช่นพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Select your language